วันพุธ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปแนวหน้า : ‘ประมงน้ำโขง’เชียงคาน  จากวิถีชีวิตสู่เสน่ห์ท่องเที่ยว

สกู๊ปแนวหน้า : ‘ประมงน้ำโขง’เชียงคาน จากวิถีชีวิตสู่เสน่ห์ท่องเที่ยว

วันอาทิตย์ ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : สกู๊ปแนวหน้า ประมงน้ำโขง Like สาระ เชียงคาน
  •  

“เชียงคาน” เป็นอำเภอหนึ่งใน “จังหวัดเลย” ปัจจุบันเป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของบรรดา “ฮิปสเตอร์” (Hipster) ผู้หลงใหลวิถีชุมชนดั้งเดิมที่มีบรรยากาศเรียบง่าย หากใครได้ไปเยือนจะเห็นความพยายามอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนเก่าๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำโขง รวมถึงอาคารใหม่ที่ก่อสร้างเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวก็ต้องออกแบบให้มีลักษณะกลมกลืนกัน จนอดไม่ได้ที่ต้องตระเวนถ่ายภาพเก็บไว้เป็นบันทึกความทรงจำดีๆ

แต่ก่อนจะมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างทุกวันนี้..ในอดีตชาวเชียงคาน และอีกหลายอำเภอใน จ.เลย ต่างพึ่งพา “แม่น้ำโขง” ประดุจเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำรงอยู่ต่อไปรุ่นสู่รุ่น ผู้คนริมโขงประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านจนชำนาญภูมิประเทศในลำน้ำเป็นอย่างดี เช่น แก่ง หาด คก วังน้ำ และดอน รู้เส้นทางของปลาในแต่ละฤดูกาล จนเกิดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำอย่างเหมาะสม


กระทั่งระยะหลังๆ มานี้ ชีวิตของคนริมโขงได้รับผลกระทบจากโครงการเขื่อนกั้นน้ำในเขตประเทศจีน ทำให้ระดับน้ำขึ้นลงไม่ปกติ จากในอดีตระดับน้ำจะค่อยๆ ขึ้นลงตามฤดูกาล แต่ปัจจุบันระดับน้ำจะขึ้น - ลงรวดเร็วชั่วข้ามคืน ซึ่งมีผลต่อการการอพยพของปลา หรือชาวประมงเรียกว่า “ปลาหลงน้ำ” จนปริมาณปลาลดลงและปลามีขนาดเล็กลง อาชีพประมงลดลงจากเดิมที่มีมากกว่า 400 คน เหลือเพียง 40-50 คน นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อการเกษตรริมโขงถูกน้ำกัดเซาะ โดยรวมจึงทำให้ผู้คนริมโขงมีรายได้ลดลงและไม่มั่นคง

ชาญณรงค์ วงศ์ลา นักวิจัยท้องถิ่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรริมโขง อ.เชียงคาน เล่าว่า จากการเก็บข้อมูลในพื้นที่ปากแม่น้ำเลยและแม่น้ำโขงในพื้นที่บ้านคกมาด และบ้านเชียงคาน หมู่ที่ 1 พบมีชาวประมง 83 คน ส่วนประเภทของสัตว์น้ำที่จับเพื่อประกอบอาหารมีทั้งหมด 130 ชนิด แยกเป็นปลา 115 ชนิด ปู 3 ชนิด กุ้ง 4 ชนิด และหอย 7 ชนิด ทำให้ชาวบ้านไม่ต้องพึ่งพาแหล่งอาหารจากภายนอก กระทั่งการมาของโครงการพัฒนาขนาดใหญ่

“โครงการพัฒนาในลุ่มแม่น้ำโขง อาทิ เขื่อนกั้นแม่น้ำโขงในประเทศจีน ที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อชีวิตของชาวประมงในพื้นที่ เนื่องจากมีการผันผวนของระดับในแม่น้ำเลยและแม่น้ำโขง รวมถึงการขนส่งของเรือขนาดใหญ่ ทำให้การจับปลาถูกรบกวนจากคลื่น และยังสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ดักจับปลาของชาวประมงจากการถูกคลื่นพัดลงน้ำจมหายไป” เขากล่าว

เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไป ชาวบ้านปากแม่น้ำเลยและแม่น้ำโขง จึงร่วมกับทีมงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ใช้กระบวนการวิจัยท้องถิ่นเพื่อหาทางออก มีข้อค้นพบว่า ปัจจุบัน อ.เชียงคาน กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แต่สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่นักท่องเที่ยวรู้จักมีเพียง ถนนชายโขงหรือถนนคนเดิน ดูบ้านไม้เก่า แก่งคุดคู้ ภูทอก และวัดในชุมชน หรือการยืนชมบรรยากาศแม่น้ำโขงจากบนฝั่งเท่านั้น

จึงได้มีการดำเนินการวิจัยเพื่อ “สร้างรูปแบบการท่องเที่ยวของชาวประมงเชียงคาน” เพื่อคงไว้ของวิถีชีวิตของคนลุ่มแม่น้ำโขง และให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวประมง เพื่อให้ชาวประมงได้อยู่กับลุ่มน้ำโขงต่อไป จึงเป็นที่มาของโครงการ “การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมของชาวประมงในแม่น้ำโขง” ผ่านการทบทวนความรู้ ความเชื่อ และพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขง ที่มีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของชาวประมง

นำมาสู่การตั้ง “ศูนย์เรียนรู้คนกับของเชียงคาน” เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่ง ชาญณรงค์ กล่าวว่า วันนี้มีการจัดท่องเที่ยว 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวทางเรือเพื่อชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และพระอาทิตย์ตกช่วงเย็น 2.การล่องเรือชมธรรมชาติของแม่น้ำโขง ชมพื้นที่ระบบนิเวศที่สำคัญ มีการบอกเล่าตำนาน ความเชื่อ และสัมผัสการทำเกษตรริมโขง ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 4-5 ชั่วโมง และ 3.การท่องเที่ยวที่ใช้ระยะเวลาทั้งวัน เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวประมง เรียนรู้การหาปลา ชมระบบนิเวศ ไปจนถึงชมพระอาทิตย์ตกกลางแม่น้ำโขง

“เบื้องต้นพบว่ามีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยววิถีชีวิตชาวประมง จำนวน 200 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งประมงพื้นบ้านเป็นวิถีชีวิตริมน้ำของชาวประมงเชียงคานที่ต้องสืบทอดและดำรงไว้ เพราะเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม เป็นวัฒนธรรม เป็นวิถีชีวิต เป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่อย่างแท้จริง” นักวิจัยท้องถิ่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรริมโขง อ.เชียงคาน กล่าว

ขณะที่ ยุทธนา วงศ์โสภา ผู้ประสานงาน ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดเลย ระบุว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว อ.เชียงคาน ในปี พ.ศ.2560 พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 455,100 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย คิดเป็นร้อยละ 91.1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด และมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1,137,750,000 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 2,500 บาทต่อคน ช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด (High Season) อยู่ในช่วงเดือน พ.ย. - เม.ย.

อนึ่ง จากการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 22 พ.ย. 2559 – 3 เม.ย. 2560 ทำให้ทราบว่า มีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวทางเรือกับกลุ่มประมง จำนวน 720 คน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 310,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะมาท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงออกพรรษา กลางหรือปลายเดือน ต.ค.จนถึงสิ้นเดือนก.พ. นอกจากนี้ “ชุมชนชาวประมงเชียงคาน” ได้มีการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรริมโขงประมงพื้นบ้านเชียงคาน เพื่อเป็นองค์กรที่ดำเนินการด้านท่องเที่ยว และเชื่อมโยงภาคีด้านท่องเที่ยวในอำเภอเชียงคาน

ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดเลย (อพท.5)และสถาบันอาศรมศิลป์ เพื่อจัดตั้ง “พิพิธภัณฑ์ชาวประมงเชียงคาน” หรือ “ศูนย์เรียนรู้ประมงพื้นบ้านเชียงคาน” ซึ่งเปิดเมื่อเดือน ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับชุมชน และเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น คาดว่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองเชียงคาน ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวของชุมชนโดยใช้งานวิจัยเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการจัดการปัญหาของชุมชนอย่างมีส่วนร่วม

จึงทำให้ชุมชนเกิดความรัก ความหวงแหนต่ออาชีพ วิถีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’ สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย
  • สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’ สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง
  • สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  •  

Breaking News

'นายกฯ'นำปชช. ถวายพระพรชัยมงคล 'สมเด็จพระราชินี' เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

จวกสิ้นคิด! 'วิสุทธิ์'เดือด ข่าวปลอมปลดแม่ทัพภาค2 ขู่แจ้งความดำเนินคดี

ส.ป.ก. วางพานพุ่ม ลงนามถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

(คลิป) สีสันการเมืองแบบเด้งเด้ง : เจ็บจี๊ด!! 'เสรีพิศุทธ์'เปิดใจแฉ! ทำไม? 'ทักษิณ' เรียกพล.ต.อ.หญิง-หนูรี

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved