นางกัญญาวีร์ หัวเขา ประธานชมรมผู้ประกอบการหมูย่าง จ.ตรัง ได้เปิดเผยถึงยอดขายหมูย่างเมืองตรังในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยกล่าวว่า เดือนเมษายนของทุกปีถือเป็นเดือนทองของการจำหน่ายหมูย่าง จ.ตรัง ซึ่งถือได้ว่าใน 1 ปี จะมี 1 เดือน ที่ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องย่างหมูขายโดยไม่มีวันหยุด จะมียอดสั่งซื้อเข้ามาทุกวัน โดยทำให้ผู้ประกอบการหมูย่างใน จ.ตรัง ที่มีประมาณ 50 ราย สามารถจำหน่ายหมูย่างได้ตลอดทั้งเดือนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพราะมีเทศกาลเช้งเม้ง งานนัดพบญาติงานเลี้ยงสังสรรค์รุ่นของแต่ละสถาบันการศึกษา ซึ่งจะต้องใช้หมูย่างสำหรับการเซ่นไหว้ และนำไปทำเมนูเด็ดในงานเลี้ยง จึงมียอดสั่งซื้อเข้ามาทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัด รวมทั้งทั่วทุกภูมิภาค

ทำให้ผู้ประกอบการให้แต่ละรายมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และต่อเนื่องมาถึงเทศกาลวันหยุดยาว คือเทศกาลสงกรานต์ที่แต่ละเจ้าจะต้องทำหมูย่างขายแทบไม่ทัน เพราะนักท่องเที่ยวซื้อไปเป็นของฝาก นอกเหนือที่สั่งหมูย่างทั้งตัวแล้ว ขณะที่การขายหน้าร้านแต่ละรายสามารถขายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัวต่อราย ซึ่งหากคิดเฉลี่ยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีเงินสะพัดในธุรกิจหมูย่างประมาณ 1 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากผู้ประกอบการหมูย่างจะมีกระจายอยู่ในทุกอำเภอ แม้ว่าสูตรการปรุงอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ทุกรายก็มีคุณภาพเดียวกัน คือคงความเป็นเอกลักษณ์ของหมูย่าง จ.ตรัง

“ขณะนี้ทางผู้ประกอบการหมูย่างทุกราย กำลังร่วมมือกับหน่วยงานราชการ จะพัฒนาหมูย่างเมืองตรัง ให้เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพราะหมูย่างเมืองตรัง มีเอกลักษณ์ประจำถิ่น ถิ่นกำเนิดมาจากภูมิปัญญาในจังหวัดตรัง เป็นจุดขายของเมืองตรังที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการหมูย่างทุกรายจึงต้องการทำ GI” นางกัญญาวีร์ กล่าว

ด้านนางชลนิชา ยอดเพชร อายุ 51 ปี เจ้าของร้าน ๙๙๙ อ้อย หมูย่างป่ายาง กล่าวว่า เฉพาะเทศกาลสงกรานต์ตนขายได้วันละประมาณ 5 ตัว ตลอดทั้งเดือนเมษายนนี้สามารถขายได้ทุกวันต่อเนื่อง เพราะมีวันสำคัญตลอดเดือน ทั้งเทศกาลเช้งเม้ง และสงกรานต์คนเดินทางซื้อไปเป็นของฝาก  ทำให้เป็นโอกาสทองที่ทำรายได้  ทั้งนี้ หมูย่างป่ายางไม่ว่าราคาหมูจะขึ้นหรือลง แต่ทุกรายจะขายราคาปกติคือ กก.ละ 380 บาท ไม่มีการปรับราคาเลย ทั้งนี้ ราคายางหรือปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำ จะส่งผลกระทบต่อยอดขายหมูย่างน้อยมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากต่างจังหวัด