ปัญหาคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่สำคัญมากของประเทศไทย แต่ที่ผ่านมามักจะถูกพูดถึงและศึกษาโดยนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่จะศึกษามุมมองหรือประสบการณ์ของภาคประชาชนที่มีต่อการคอร์รัปชันในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจไม่มากนัก
โครงการวิจัย “แนวทางการเสริมสร้างธรรมาภิบาลท้องถิ่นและกลไกเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน โดยชุมชนมีส่วนร่วม กรณีศึกษา : อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน” โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย งาน SRI Unit ภายใต้แผนงานท้าทาย ชุดสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) งานวิจัยดังกล่าว เป็นงานวิจัยที่ดำเนินการโดยนักวิจัยชาวบ้านในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ ที่เห็นความสำคัญของปัญหาคอร์รัปชันและต้องการให้คนในชุมชนได้ลุกขึ้นมาค้นหาปัญหาของตนเอง โดยใช้กระบวนการงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้กำหนดนิยามและปัญหาคอร์รัปชันด้วยตนเอง และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ในการแก้ไขปัญหาและสร้างกลไกเฝ้าระวังด้านคอร์รัปชัน
ในระยะที่ 1 ได้ศึกษาปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในบริบทชุมชน โดยใช้เครื่องมือการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR)ผลการศึกษา พบว่าแม้อำเภอบ่อเกลือ จะเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกล แต่ชาวบ้านก็มีความตื่นตัวต่อปัญหาคอร์รัปชันของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินโครงการด้านการจัดการทรัพยากร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม และชาวบ้านมีประสบการณ์ในการเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันที่หลากหลายมีผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนเอง
มุมมองของชาวบ้านที่มีต่อการคอร์รัปชันนั้นค่อนข้างหลากหลาย เช่น การคดโกงที่มีทั้งแบบเจ้าหน้าที่รัฐและแบบชาวบ้าน การทำผิดกฎหมาย ความไม่โปร่งใส การให้และรับสินบน การทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ งบพัฒนาท้องถิ่นและงบจัดซื้อจัดจ้าง เช่น ระบบเงินทอนหรือวิ่งงาน การเสนอราคาในลักษณะสมยอมกัน แจ้งข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างเฉพาะกลุ่มของตนเองเท่านั้น การยืมชื่อผู้รับจ้างรายอื่น การปิดบังข้อมูลโครงการ การใช้เส้นสายในการคัดเลือกคน การรับสินบนในการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือซื้อตำแหน่ง การยึดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มของชาวบ้านเพื่อรับเงินจากโครงการ การใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพ การปล่อยปละละเลย หรือรู้เห็นเป็นใจกับผู้รับจ้าง การดำเนินโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์จริงและไม่ผ่านการประชาคมหมู่บ้าน เป็นต้น ซึ่งมีสาเหตุการเกิดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเคยชิน วัฒนธรรมในองค์กร รายได้ไม่เพียงพอ ทำตามผู้นำ หรือการไม่อยากไปยุ่งเรื่องของคนอื่น กลัวภัยจะมาถึงตัว
ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในพื้นที่ คนในชุมชนให้ความเห็นว่าควรมีมาตรการและกลไกในการป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันในระดับชุมชนท้องถิ่น โดยการและการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนด้วยกันเอง การติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชน และการเสนอแนะช่องทางในการตรวจสอบความโปร่งใสของการทำงานของภาครัฐ ให้คนในชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแลและเป็นหูเป็นตาในขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ต้องมีการปลูกฝังจิตสำนึกให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่ทุจริตคอร์รัปชัน มีสำนึกรับผิดชอบต่อองค์กรและต่อสาธารณะ รวมทั้งการเอาผิดผู้ที่ทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงมีกฎระเบียบหรือกฎหมายในระดับหมู่บ้านในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
มีการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน โดยมีตัวแทนชุมชนเข้าไปเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ และตรวจสอบแหล่งที่มาของโครงการ งบประมาณ ระยะเวลา และผลลัพธ์ของการดำเนินงานโครงการ การประชาสัมพันธ์เรื่องสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันและการดำเนินงานโครงการต่างๆในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารและเห็นความสำคัญของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในทุกเรื่องเพื่อให้ชาวบ้านสามารถตรวจสอบได้
การดำเนินงานโครงการในระยะที่ 1 ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับทีมวิจัยและชาวบ้าน ที่จะก้าวข้ามความกลัวในด้านต่างๆ ที่เป็นผลพวงมาจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และเห็นข้อมูลเห็นสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเสริมสร้างการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลท้องถิ่นและมีกลไกเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชันในพื้นที่อีกทางหนึ่ง
ในระยะที่ 2 ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ มีเป้าหมายในการสร้างกลไกการเสริมสร้างธรรมาภิบาลท้องถิ่นและการเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน โดยให้ความสำคัญในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในชุมชน และการมีส่วนร่วมกับภาครัฐ เช่น สำนักงาน ป.ป.ช. ป.ป.ท. และสตง. จังหวัดน่าน เป็นต้น ในด้านการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวต่อการเรียนรู้เรื่องธรรมาภิบาลและสร้างกลไกการเฝ้าระวังการคอร์รัปชัน โดยได้มีการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การสร้างค่านิยมและปลูกฝังทัศนคติของคนในชุมชนในเรื่องหลักคุณธรรมความดี ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษา องค์กรต่างๆ ในพื้นที่ รวมไปถึงความรู้ในเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของความเป็นพลเมือง สิทธิขั้นพื้นฐาน ตลอดจนวิธีการดำเนินโครงการ งบประมาณโครงการ และการจัดซื้อจัดจ้าง นอกจากนั้น ยังมีการทดลองปฏิบัติการเพื่อสร้างการเรียนรู้ของคนในชุมชน ในการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น การฝึกตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินงานโครงการต่างๆ รวมถึงการนำครื่องมือสื่อสารเพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลในชุมชน มาทดลองปฏิบัติในการตรวจสอบและแจ้งเบาะแสในพื้นที่ โดยทีม SIAM Lab คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชุมชน ตลอดจนการก้าวข้ามความกลัว เป็นการเรียนรู้จากของจริงในพื้นที่ สร้างระบบกลไกต้นแบบ และสร้างวัฒนธรรมต้านคอร์รัปชันในระดับพื้นที่ ซึ่งจะช่วยป้องกันการคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การสร้างกลไกการสื่อสารแบบชาวบ้าน เพื่อชาวบ้าน ในการยับยั้งการพัฒนาที่ไม่สมดุล รวมถึงการถ่ายทอดความรู้ท้องถิ่นในด้านกระบวนการ วิธีการ กลไกการทำงาน ในการเฝ้าระวังปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และกลไกในการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวของคนชุมชนและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากทำได้ก็เปรียบเสมือนการปฏิรูปการทำงานในระดับพื้นที่ ภายใต้ยุทธศาสตร์ ยุทธการ และการวางทิศทางการทำงานร่วมกันของคนในพื้นที่ และจะเป็นพื้นที่ต้นแบบที่สามารถขยายแนวคิดกระบวนการทำงานดังกล่าวไปสู่พื้นที่อื่นได้ และปลายทางสุดท้าย คือ ความสำเร็จของประเทศชาติในด้านการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และสร้างธรรมาภิบาลท้องถิ่นให้เกิดขึ้น และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและถือเป็นการปฏิรูปประเทศทั้งจากข้างบนลงล่างและจากล่างขึ้นบนอย่างสมดุล
โดย นายอภิสิทธิ์ ลัมยศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี