หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้เทศนาถึง "อานิสงส์การถวายดอกบวบขม" ว่า "...พูดถึงอานิสงส์การถวายดอกไม้บูชาด้วยศรัทธาแท้ ดังตัวอย่างท่านหนึ่งคือ ท่านสาตกีเทพธิดา "สาตกี" แปลว่า "ดอกบวบขม" เทพธิดาองค์นี้ทำบุญด้วยดอกบวบขม ท่านพระโมคคัลลาน์ท่านเจริญพระกรรมฐานในตอนกลางคืน ท่านใช้กำลังฤทธิ์ของท่านไปเที่ยวชมสวรรค์ ไปเห็นวิมานของท่านสาตกีเทพธิดาเข้าก็แปลกใจเพราะเมื่อคืนที่แล้วไม่มีวิมานนี้ จึงเข้าไปใกล้ถามท่านเจ้าของวิมานว่า "เธอเพิ่งตายจากความเป็นคนขึ้นมาเกิดเป็นนางฟ้าหรือ"
ท่านก็ตอบว่า "เช่นนั้นเจ้าค่ะ"
และท่านพระโมคคัลลาน์ก็ถามต่อไปว่า "เธอทำบุญอะไรจึงมีวิมานทองคำ เครื่องประดับวิมาน เครื่องประดับกาย มีสีเหลืองเป็นทองคำทั้งหมด"
ท่านก็ตอบว่า “สมัยเป็นมนุษย์เป็นคนยากจนมาก มีอาชีพตัดฟืนขาย เช้าตื่นขึ้นมากินข้าวเสร็จก็เข้าป่าไปตัดฟืนด้วยกำลังกายก็ไม่ได้มากนัก ตอนเย็นหอบฟืนกลับมาเอาไปขาย ได้เงินบ้างก็ซื้ออาหารไว้กินในวันรุ่งขึ้น เรียกว่าทำมื้อกินมื้อ ทำอย่างนี้ทุกวันตลอดมาเป็นปกติ ไม่มีโอกาสที่จะไปทำบุญ ไม่เคยทำบุญสุนทาน พระจะมาบิณฑบาตหรือมาบอกบุญบอกทานก็ไม่มีโอกาสได้พบ ไม่ใช่ไม่ศรัทธาแต่ไม่มีเวลาจะทำบุญเพราะความยากจน วันสุดท้ายก่อนที่จะตาย ตอนเช้าเข้าป่าจะไปตัดฟืนตามปกติ เห็นดอกบวบขมเข้าก็คิดว่า ดอกบวบขมมีสีเหลืองคล้ายจีวรพระ ก็นึกถึงพระขึ้นมาตั้งใจว่าตอนเย็นกลับบ้านวันนี้จะตัดดอกบวบขมไปบูชาเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ใกล้ๆ บ้าน อย่างนี้จัดว่าเป็นสังฆานุสติสติกรรมฐาน
พอตกเย็นขากลับบ้านแบกฟืนออกมาพอถึงที่ตรงนั้นก็วางฟืนลง ไปตัดดอกบวบขม มือหนึ่งแบกฟืน อีกมือหนึ่งถือดอกบวบขม เมื่อขายฟืนเสร็จพอกลับถึงบ้านก็หุงข้าวกิน แล้วอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็นำดอกบวบขมตั้งใจจะเอาไปบูชาเจดีย์ที่บรรจุกระดูกพระอรหันต์ แต่ไปไม่ทันถึง ระหว่างทางที่เดินไปนั้นปรากฏว่านางยักษิณีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนขวิดล้มลงถึงแก่ความตายก่อนที่จะตาย จิตใจก็นึกถึงว่าเราตั้งใจจะเอาดอกบวบขมไปถวายบูชากระดูกพระอรหันต์ (จัดว่าเป็นสังฆานุสติสติกรรมฐาน) พอตายจากที่ตรงนั้นจิตก็ออกจากร่างมาเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทันที โดยไม่ต้องผ่านสำนักพระยายมราช มีนางฟ้าหนึ่งพัน เป็นบริวาร มีวิมานสีเหลือง เครื่องประดับวิมาน เครื่องประดับกายที่เป็นทิพย์ มีสีเหลืองเป็นทองคำทั้งหมด เพราะก่อนจะตายปรารภสีเหลือง คือดอกบวบขมมีสีเหลืองคล้ายจีวรพระ
ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านโปรดเข้าใจว่า ถ้าต้องการความสุขจริงๆ เมื่อตายแล้ว ก็ให้ท่านยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ มีทานการบริจาค มีการรักษาศีล และมีอารมณ์ยึดอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ ทานก็ได้ ศีลก็ได้ ภาวนาก็ได้ หรือยึดพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ หรือยึดพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ หรือยึดวัดใดวัดหนึ่งก็ได้ นึกถึงวัดก็ใช้ได้
ให้มีความมั่นใจจริงๆ ยอมรับนับถือจริงๆ อย่างนี้ตายเมื่อไร ทุกท่านก็ได้รับผลมีความสุขอย่างท่านสาตกีเทพธิดาแน่นอน ถึงแม้ว่าบางคนตอนต้นจะย่อหย่อนมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าเวลาจะตายมีกำลังใจเข้มข้น ก็จะไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปพระนิพพานตรงโดยไม่ต้องผ่านสำนักท่านพระยายมราช..."
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี