หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้ให้โอวาทธรรมเกี่ยวกับ "พระกรรมฐานก่อนนอนมีความสำคัญ" ว่า นักปฏิบัติที่มีความฉลาดต้องการผลหรือหลักในการปฏิบัติจริงๆ ยามปกติเราจะนั่งก็ได้ จะยืนก็ได้ จะเดินก็ได้ แต่เวลาสุดท้ายภายหลังเวลาที่นอนจริงๆ ก่อนจะหลับเวลานั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคนอย่าทิ้งกรรมฐาน ขณะที่นอนศีรษะถึงหมอนแล้วให้ใช้คำภาวนา หรือพิจารณาก็ได้ตามชอบใจ
ถ้าเรารู้ลมหายใจเข้าออกก็พยายามรู้ลมหายใจเข้าออกโดยเฉพาะอย่าส่งจิตไปที่อื่น คำว่าอย่าส่งจิตไปที่อื่นนี้เราคุมกันได้นะ แต่ว่าการทำจริงมันไม่ได้ อารมณ์ฟุ้งซ่านเป็นของธรรมดา
ทีนี้บังเอิญอารมณ์ฟุ้งซ่านออกนอกลู่นอกทางใน เมื่อเราระลึกได้ก็หันไปจับลมเข้าออกใหม่ หายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก "ภาวนาพุทโธ" ถ้าจะภาวนาด้วยคำภาวนานี้ไม่จำกัด ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทคล่องในคำภาวนาแบบไหน เห็นว่าสบายใจก็ภาวนาแบบนั้น แต่ว่าคนที่ไม่เคยภาวนามาก่อนเลยก็ขอแนะนำให้ภาวนาว่า "พุทโธ" เพราะการภาวนา "พุทโธ" เป็นพุทธานุสสติมีอานุภาพมาก เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า เวลาหายใจเข้านึกว่า "พุท" เวลาหายใจออกนึกว่า "โธ"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่บรรดาท่านพุทธบริษัทนอนอันนี้อย่าลืมพยายามภาวนาให้หลับไป ถ้าภาวนาจริงๆ ถ้าภาวนาไปมากๆ จิตฟุ้ง คือ เกิดเป็นความฟุ้งซ่านเกิดขึ้นก็ปล่อยอารมณ์เสีย เลิกภาวนาไป ถ้าบังเอิญภาวนาจนหลับ ขอได้โปรดทราบว่าขณะที่จิตจะหลับเวลานั้นสงบถึงฌานสมาบัติ ถ้าจิตสงบเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ
ถ้าภาวนาไปสองสามคำ รู้ลมหายใจเข้าออกไปนิดหน่อยแล้วหลับก็อย่าฝืน จงอย่าคิดว่าเราภาวนาน้อยไป หรือรู้ลมหายใจเข้าออกน้อยไปจะไม่มีบุญมาก อย่าคิดอย่างนั้น ขอให้มีความเข้าใจว่าการทำกรรมฐานเราต้องการจิตเป็นสมาธิเป็นสำคัญ
คำว่า "สมาธิ" ก็มีหลายชั้นด้วยกัน เช่น ขณิกสมาธิ สมาธิเล็กน้อย, อุปจารสมาธิ สมาธิเฉียดฌาน, อัปปนาสมาธิ สมาธิเข้าถึงฌาน และสมาธิที่เข้าถึงฌานก็แบ่งเป็น ๔ ชั้นคือ ฌานที่ ๑ ฌานที่ ๒ ฌานที่ ๓ ฌานที่ ๔
"จิตเข้าฌานจะตัดหลับ" เวลาที่ท่านนอนภาวนา หลังจากนอนหลับภาวนาไป เวลานั้นถ้าบังเอิญจิตเข้าถึงฌานใดฌานหนึ่ง ฌานนี่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าฌาน ๑ เสมอไป ไม่แน่นอนนัก บางครั้งก็เข้าถึงฌาน ๑ มันก็หลับ บางครั้งฌาน ๑ มันไม่เข้า มันเข้าถึงฌาน ๒ ฌาน ๓ เลยก็มี บางครั้งพอจิตสงบปั๊บเข้าถึงฌาน ๔ เลยก็มีก็รวมความว่าขณะที่หลับจิตเข้าถึงฌานไหน เวลานั้นกว่าจะตื่นเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ จนกว่าจะตื่นนะ
เราภาวนาไป รู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วย ภาวนาไปด้วยแล้วก็หลับ สมมุติถ้าหลับเวลานั้นจิตเข้าถึงฌานและที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงท่านถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าตายเวลาหลับจะมีผลไปตามฌานทันที ถ้าภาวนาจนถึงหลับก็ถือว่า เป็นการทรงจิตให้เป็นสมาธิทรงฌานได้นาน
**คัดลอกจาก "ธัมมวิโมกข์" ฉบับที่ ๔๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ หน้า ๒๘-๓๐ คัดลอกโดยคณะบุญสุประวีณ์**
เพจ คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี