ครบ 112 ปีประเพณีการแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือว่าเป็นงานประเพณีวัฒนธรรมแห่งสายน้ำ ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย มีเรือเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด ในสนามการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับว่าได้มาตรฐานที่สุด 7-8 กันยายน 2562
จังหวัดพิจิตร อยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีเนื้อที่ประมาณ 4,531.013 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,831,883 ไร่ มีความกว้างประมาณ 72 กิโลเมตร ความยาวประมาณ 77 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถยนต์ประมาณ 346 กิโลเมตร และรถไฟระยะทางประมาณ 351 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอตะพานหิน อำเภอบางมูลนาก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล อำเภอสามง่าม อำเภอวังทรายพูน อำเภอทับคล้อ อำเภอสากเหล็ก อำเภอดงเจริญ และอำเภอบึงนาง
โดยทั่วไปของจังหวัดพิจิตรเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำยม และแม่น้ำน่านไหลผ่าน ทั้ง 2 สายไหลผ่านจังหวัดเกือบเป็นลักษณะเส้นขนานจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ โดยมีแม่น้ำพิจิตร(แม่น้ำเดิม) อยู่ระหว่างกลาง ความยาวของแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านจังหวัดมีระยะทาง 97 กิโลเมตร และความยาวของแม่น้ำยมที่ไหลผ่านจังหวัดมีระยะประมาณ 128 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่ราบลุ่มรับน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก ยานพาหนะที่ใช้สัญจร ในช่วงน้ำท่วม คงไม่พ้น เรือ ที่ชาวบ้านใช้สัญจร และ เมื่อว่างจาการการเกษตร จึงใช้เรือ มาทำการแข่งขัน สร้างประเพณีแข่งเรือยาว มาครั้นสมัยก่อน จนถึงปัจจุบันในปี 2562 เข้าเป็นปี ที่ 112
พระเมธีกรรมนาท เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวงพระอารามหลวง จังหวัดพิจิตร เล่าฟังว่า จังหวัดพิจิตร เริ่มจัดการแข่งขันเรือยาว ประมาณ พ.ศ. 2450 โดยพระธรรมทัสสีมุนีวงศ์ (หลวงพ่อเอี่ยม) เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ท่านเป็นผู้ริเริ่ม และได้จัดติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งถึงสมัยของพระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ (หลวงพ่อไป๋-นาควิจิตร) เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง โดยกำหนดให้เรือที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ ได้รับผ้าห่มหลวงพ่อเพชร โดยนำไปพันไว้ที่โขนเรือ ซึ่งถือกันว่าเป็นศิริมงคลแก่เรือและเทือกเรือ (ฝีพาย)
ประเพณีการแข่งขันเรือยาวของจังหวัดพิจิตรได้รับการพัฒนามาเป็นลำดับ จนกระทั่งปี 2524 พระราชวิจิตรโมลี (หลวงพ่อบุญมี ปริปุณโณ-แตงปั้น) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ได้ขอพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศในงานประเพณีแข่งขันเรือยาวทั้ง 3 ประเภท จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เพื่อสืบสานวัฒนธรรมงานประเพณีการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานของจังหวัดพิจิตรมาจนถึงปัจจุบัน ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 รวมระยะเวลาที่ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลติดต่อกันจนถึงปี 2562 เป็นเวลา 38 ปี
พระเมธีกรรมนาท เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร เล่าฟังต่อว่า ทางจังหวัดพิจิตร และวัดท่าหลวง พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศเรือยาว จึงได้มีรูปแบบ ขบวนเรือพระราชพิธีจำลองกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค คือกิจกรรมสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน จังหวัดพิจิตร เพราะจำลองขบวนเรือพระที่นั่ง จำนวน 7 ลำ ได้แก่ 1.เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช 2.เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ 3.เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9
4.เรือพาลีรั้งทวีป 5.เรือสุครีพครองเมือง 6.เรือครุฑเหินเห็จ 7.เรือครุฑเตร็จไตรจักร พร้อมบทประพันธ์กาพย์เห่เรือประกอบ เพื่อเป็นขบวนเรืออัญเชิญถ้วยพระราชทานที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นการแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร ชิงถ้วยพระราชทาน จะมีขึ้นในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน ของทุกปี ท่ามกลางการเฝ้าชมของนักท่องเที่ยวทั้งสองฝั่งแม่น้ำน่าน
ส่วนกิจกรรมสำคัญอีกประการหนึ่งของการแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร คือการบวงสรวงแม่ย่านางเรือ หมายถึง ผี หรือเทพผู้หญิงที่สถิตอยู่ประจำเรือแต่ละลำ เจ้าของเรือมีความเชื่อว่า เรือทุกลำเป็นเพศหญิง มีที่สิงสถิตอยู่ที่โขนหัวเรือ ชาวเรือที่ออกเรือต้องบูชากราบไหว้ เพราะเชื่อว่าแม่ย่านางเรือจะดลบันดาลให้ชาวประมง หรือผู้เป็นเจ้าของเรือ มีโชคลาภ ประสบความสำเร็จตามปรารถนา โดยจะผูกด้วยด้ายขาว ด้ายแดงและผ้าแดงที่โขนหัวเรือก่อนออกเรือทุกครั้ง และจะพูดกับแม่ย่านางเรือว่า "อย่าให้มันขัด อย่าให้มันข้อง ให้คล่อง ให้คล่อง ให้แคล้ว ให้แคล้ว ทุกอย่างให้ประสบชัย ให้โชคดี" เป็นการบูชาเทวดาด้วยเครื่องสังเวยและดอกไม้ธูปเทียน
ถือเป็นประเพณีโบราณที่ถือปฏิบัติมายาวนาน เพื่ออัญเชิญขวัญแม่ย่านาง ให้สิงสถิตเป็นมิ่งขวัญแก่ลำเรือ และฝีพายทุกคน โดยจะมีพราหมณ์ หมอครู ผู้สูงอายุ หรือเจ้าของเรือ เป็นผู้ทำพิธี เมื่อเตรียมเครื่องสังเวยเรียบร้อยแล้ว จะจุดธูปเทียน กล่าวอัญเชิญแม่ย่านาง ให้มารับเครื่องเซ่นไหว้ และขอให้คุ้มครองปกรักษามิให้เกิดอันตรายใดๆ จากนั้น ประพรมน้ำมนต์ในขันด้วยกิ่งทับทิม จนทั่วลำเรือ รวมทั้งผู้เข้าร่วมพิธี เจ้าของเรือ ฝีพาย เพื่อความเป็นศิริ
นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า "ทางจังหวัดพิจิตร ร่วมกับวัดท่าหลวง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2562 ลำน้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวงพระอารามหลวง โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 112 (ร้อยสิบสองปี) ของการแข่งขัน ซึ่งในปีนี้ จะมีพิธีเปิด ขบวนพยุหยาตราจำลองทางชลมารค อัญเชิญถ้วยพระราชทาน และทีมเรือยาวมีเรือยาวที่ได้มาตรฐานจากทั่วประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน
ได้แก่ ยาวเล็ก 30 ฝีพาย ยาวกลาง 40 ฝีพาย ยาวใหญ่ 55 ฝีพาย เรือโบราณ และเรือเยาวชน เข้าร่วมทำการแข่งขัน กว่า 47 ลำ ตลอดทั้ง 2 วัน เพื่อชิงความเป็นที่สุดของการแข่งขันเรือยาวสนามที่ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศโดยในปีนี้กำหนดจัดการแข่งขันวันวันเสาร์ที่ 7 และอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2562 ณ ลำน้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวต่อว่า ในส่วนของบรรยากาศของงานวัด จะยังคงรักษาเอกลักษณ์ของงานวัดที่มีการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงคอนเสิร์ต รวมถึงมีการเปิดร้านจำหน่ายสินค้าประชารัฐและสินค้า OTOP มีทั้งของกินของใช้ให้เลือก ชิม ช้อป แชะ กันอย่างจุใจทุกค่ำคืน ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม – 8 กันยายน
สำหรับการแข่งขันเรือยาวประเพณี เป็นกีฬาไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดของจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วัดท่าหลวงพระอารามหลวง ซึ่งมีความเป็นมาอย่างยาวนาน พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานถ้วยรางวัลประจำสนามสำหรับเรือชนะเลิศ 3 รางวัล จนปัจจุบัน สมเด็จพระสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานถ้วยรางวัลประจำสนามสำหรับเรือชนะเลิศ 3 รางวัล ซึ่งสร้างความปีติยินดีสำหรับนักกีฬาเรือยาวประเพณีในการแข่งขัน และความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดพิจิตร ที่ร่วมสืบสานประเพณีแข่งขันเรือยาวต่อเนื่องตลอดเป็นปีที่ 112
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี