คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดปกติการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลกมลาไสย เตรียมสรุปผลการตรวจสอบเอกสาร 2 กล่อง จากทั้งหมดกว่า 20 กล่องรายงานไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุเบื้องต้นพบเพียงความบกพร่องในเรื่องของเอกสาร แต่ยังไม่เป็นการทุจริต พร้อมเตรียมเรียกสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า
จากกรณีชาวบ้านใน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ลงชื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการย้ายนายแพทย์ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ออกนอกพื้นที่ โดยชาวบ้านอ้างว่านายแพทย์สาธารณสุขไม่ให้สั่งซื้อยา จนทำให้โรงพยาบาลไม่มีสามารถสั่งซื้อยาจากบริษัทเพื่อนำมาแจกจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้ครบ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน และโรคไต ซึ่งทางโรงพยาบาลกมลาไสยยอมรับว่าขาดยาและสั่งซื้อยาไม่ได้จริง เนื่องจากเป็นหนี้กับทางบริษัทหลายล้านบาท และเอกสารบิลสั่งซื้อยาถูกสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอายัดไปตรวจสอบนานแล้วแต่ยังไม่เสร็จส่งผลให้ประชาชนต้องยืมยากันกิน
กระทั่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และเขตสุขภาพที่ 7 ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาการขาดยา โดยได้เร่งดำเนินการจัดสรรยามาไว้ที่โรงพยาบาลกมลไสย เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยได้ตามปกติ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดปกติการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลกมลาไสยลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสาร 2 กล่อง จากทั้งหมดกว่า 20 กล่อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังคงเข้าตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างยาและเวชภัณฑ์ต่างๆของโรงพยาบาลกมลาไสยต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ได้เข้าตรวจสอบเอกสาร โดยการแยกเอกสารออกทีละแผ่น พร้อมถ่ายเอกสารไว้เพื่อป้องกันเอกสารหายและการทำลายหลักฐาน ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการได้ตรวจสอบเอกสารไปจำนวน 2 กล่องจากทั้งหมดกว่า 20 กล่อง ตรวจได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์พบความบกพร่องเล็กๆน้อยๆและเบื้องต้นยังไม่พบการสิ่งที่บ่งบอกการทุจริต
ด้าน นพ.ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์ สสจ.ร้อยเอ็ด ในฐานะประธานคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีความผิดปกติการจัดซื้อยาโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ระบุว่า จากการตรวจสอบเอกสารจำนวน 2 กล่องจากทั้งหมดกว่า 20 กล่องของคณะกรรมการ เบื้องต้นซึ่งยังไม่ได้ลงรายละเอียดลึกลงมากนักพบว่ามีความข้อบกพร่องเล็กๆน้อยของเอกสาร ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติของโรงพยาบาลต่างๆในกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว โดยเท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบสิ่งที่บ่งบอกของการทุจริต
สำหรับเอกสาร 2 กล่องนี้ ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในของกระทรวงสาธารณสุขคิดว่าเป็นเอกสารที่มีความหลากหลาย เป็นเอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และจะเป็นตัวแทนเอกสารในการตรวจสอบทั้งหมดได้ และในวันนี้นพ.ปิติได้เดินทางเข้ามาติดตามผลการตรวจสอบเอกสารจำนวน 2 กล่องในช่วงบ่ายที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และอ้างว่าติดภารกิจประชุมเรื่องด่วนที่ จ.ร้อยเอ็ด แต่ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ภายหลังจากตรวจสอบเอกสารทั้ง 2 กล่องนี้แล้ว ทางคณะกรรมการจะมีข้อสรุปรายงานผลการตรวจสอบไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวภายในโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้าคณะกรรมจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าสอบ และให้ข้อมูลเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าผลการตรวจสอบเอกสารจำนวน 2 กล่องจากทั้งหมดกว่า 20 กล่อง ที่สำนักงานสาธารณสุขอายัดมาเก็บไว้ของคณะกรรมการชุดนี้ ไม่สามารถตอบข้อสงสัยให้กับประชาชนและสังคมได้ เนื่องจากเป็นการเลือกตรวจสอบเอกสารเพียงบางส่วนจำนวน 2 กล่อง จากทั้งหมด 20 กล่อง
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสิ่งที่บ่งบอกถึงความทุจริต แต่เป็นเพียงข้อบกพร่องในด้านเอกสารเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับการตรวจเอกสารของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน ที่ก่อนหน้านี้พบความผิดปกติในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ต่างๆของโรงพยาบาลกมลาไสย จนนำไปสู่การเข้ามาขนย้ายเอกสารจากโรงพยาบาลไปเก็บอายัดไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขนานหลายเดือน โดยมีรถตราโล่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำขบวนอย่างเข้มงวดตลอดเส้นทาง ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้ลุกลามไปสู่การสั่งซื้อยาไม่ได้ และจ่ายยาไม่ครบ จนทำให้ผู้ป่วยต้องยืมยากันกิน จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบเอกสารทั้งหมด เพื่อทำให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และทำเรื่องดังกล่าวมีความกระจ่างชัด และมีคำตอบให้กับสังคมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี