30 สิงหาคม 2562 เพจเฟชบุ๊ก " Origimon กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังจิตวิญญานเมกเกอร์" ได้โพสต์ตั้งหัวข้อเป็นคำถามว่า "กล่องอะไรเอ่ย มีธงชาติไทย ไปลอยอยู่ในอวกาศ" พร้อมกับนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้
หลายคนอาจจะเคยเห็นภาพนี้ผ่านตามาทางสื่อกันบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่ามันมีความสำคัญอย่างไร หลายคนก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ประเทศไทยเราก็มีกิจกรรมที่เราไปทำอยู่บนอวกาศเหมือนกัน
ถ้าบอกว่ามันคือกล่องที่จะเปิดเผยความลับของโรคมาลาเรีย แล้วทำให้ประเทศไทยสามารถออกแบบยาต้านเชื้อมาลาเรียที่มีศักยภาพดีมากได้ ก็อาจจะงงๆอยู่ว่ามันทำได้อย่างไร แล้วทำไมต้องขึ้นไปทำในอวกาศกันเลยทีเดียว
หลายๆคนก็คงเคยคิดฝันอยากจะเป็นนักบินอวกาศขึ้นไปลอยล่องอยู่ท่ามกลางสภาวะไร้น้ำหนักกันมาก่อน เอาเข้าจริงๆถ้าคนไทยอยากเป็นนักบินอวกาศ เราไม่สามารถสมัครไปเป็นนักบินอวกาศที่ประเทศอื่นๆได้เพราะทุกประเทศมีข้อจำกัดว่า นักบินอวกาศต้องเป็นคนของประเทศตัวเองเท่านั้น
หมายความว่า ถ้าจะมีนักบินอวกาศที่เป็นคนไทย ประเทศไทยก็ต้องมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับอวกาศภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลไทยเท่านั้น
เราก็คงหมดหวัง ไม่สามารถเดินตามฝันกันไป คิดว่าบ้านเราคงไม่สามารถมีโครงการเกี่ยวกับอวกาศได้ เพราะประเทศเราไม่มีงบประมาณ แล้วก็ไม่มีศักยภาพพอ
แต่ช้าก่อนครับ จริงๆแล้วประเทศไทยเรามีโครงการที่เราริเริ่มด้านอวกาศมานานพอสมควรแล้ว อาจจะเคยได้ยินว่าเรามีการทดลองที่เด็กไทยคิดขึ้น แล้วส่งไปทดลองในสถานีอวกาศนานาชาติที่ลอยอยุ่บนอวกาศมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
นั่นเป็นก้าวแรกๆที่เรามีความร่วมมือกับองค์การด้านอวกาศของต่างประเทศ
โครงการอวกาศเหล่านี้แหละครับ ที่เป็นตัวเปิดให้ประเทศไทยปักหมุดการทำงานด้านอวกาศ ที่จะผลักดันต่อให้ประเทศไทยมีนักบินอวกาศที่เป็นคนไทยได้จริง
ปัจจุบันนี้กิจกรรมอวกาศกำลังกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นมาในหลายประเทศ สหรัฐอเมริกาก็มีธุรกิจการสร้างจรวดขึ้นไปยังอวกาศ อินเดียเองก็ส่งยานอวกาศขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ได้แล้ว แถมมีธุรกิจรับส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศที่ทำเงินมหาศาลให้กับประเทศ
สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ ในเรื่องการใช้อวกาศเป็นเครื่องมือการค้นคว้าหายารักษาโรค ที่ไม่สามารถทำได้บนพื้นโลก เนื่องจากบนโลกมีแรงดึงดูดเป็นตัวทำให้ยากแก่การค้นคว้าในเชิงลึก
บางคนอาจจะเคยไปหอบหิ้วยารักษาโรคมาจากญี่ปุ่น เพราะรู้สึกได้ว่า ยาที่โน่นมีประสิทธิภาพมากกว่ายาที่มีในบ้านเรา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีอวกาศนี่แหละครับ ค้นคว้าในเชิงลึกถึงโครงสร้างโมเลกุลของสิ่งที่เกี่ยวข้อง แล้วก็ออกแบบยามาให้มีความแม่นยำในการรักษาโรคได้ดีกว่า
คิดง่ายๆว่าถ้าเรามีแม่กุญแจอยู่อันหนึ่ง แล้วเราพยายามหาลูกกุญแจที่จะไขแม่กุญแจนี้ออกมาได้ เราก็ต้องรู้ว่าด้านในของแม่กุญแจเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ทำลูกกุญแจให้มาไขได้ถูกอัน เราอาจจะต้อง x-ray ดูด้วยวิธีที่ซับซ้อน เพื่อให้เห็นภาพด้านในของแม่กุญแจ
โรคที่เกิดจากเชื้อต่างๆก็เช่นกัน จะปราบเชื้อเหล่านั้นได้ ก็ต้องรู้จักกลไกข้างในของมัน ที่นี้ความยากมันอยู่ตรงที่ว่า เชื้อพวกนี้ตอนที่อยู่บนโลก มันไม่ค่อยจะนิ่ง จะไปศึกษาพฤติกรรมและโครงสร้างของมันก็เป็นเรื่องยาก การส่งมันขึ้นไปศึกษาในอวกาศจึงเป็นวิธีการหาคำตอบแบบหนึ่งที่ประเทศผู้ผลิตยาใช้กันอยู่
การส่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปทดลองในอวกาศไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในด้านต่างๆ ไม่ให้มีการหลุดออกไป ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพ จะเอาขึ้นไปอย่างไร จะเอากลับลงมาอย่างไรท่ามกลางการสั่นสะเทือนของจรวดที่เป็นตัวส่ง และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย เรื่องนี้ไม่ง่ายเลยนะครับ
ถ้าประเทศไทยของเราจะปล่อยเลยตามเลย ไม่สนใจศึกษาเรื่องเกี่ยวกับอวกาศ พอถึงเวลานึงเราก็คงตกยุค ไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้เองได้ เหมือนกับสินค้าหลายๆอย่างที่เราต้องคอยแต่ซื้อมาอย่างเดียวด้วยราคาที่แสนแพง
หน่วยงานภาครัฐของไทย จึงมีการดำเนินการศึกษาและค้นคว้าในเรื่องอวกาศ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ประเทศไทยไม่ตกยุคไปกับเทคโนโลยีเชิงลึกที่ก้าวล้ำไปข้างหน้าอยู่ตลอด เราจึงได้เห็นเจ้ากล่องที่มีธงชาติไทยขึ้นไปลอยอยู่ในอวกาศนี้
ภายในเจ้ากล่องเล็กๆกล่องนี้ คือการทดลองเพื่อหาโครงสร้างของเชื้อมาลาเรีย ซึ่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตของคนในบ้านเราอยู่จำนวนมากในแต่ละปี การที่เราได้เข้าใจโครงสร้างของมันอย่างละเอียด จะทำให้เราสามารถออกแบบยาที่จะใช้ให้มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันการดื้อยาของเชื้อได้
เจ้ากล่องเล็กๆนี้ ก็เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้เราได้ปักหมุดการทำงานด้านอวกาศของคนไทย ซึ่งเราเองก็กำลังมีโครงการด้านอวกาศที่กำลังจะตามมาอีกมากมายนอกเหนือไปจากเรื่องทางการแพทย์
ถ้าวันนี้เราไม่เริ่ม เราก็ไม่วันเข้าใจอุปสรรคต่างๆ
มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆไกลตัวเรา แต่มันก็เป็นก้าวที่สำคัญของไทยในการเปิดตัวเข้าไปสู่โลกแห่งอวกาศ ทำให้เราเข้าใจปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ก่อนที่เราจะลงทุนลงแรงทำอะไรให้มากกว่านี้ได้สำเร็จ
ก้าวแรกที่ปักหมุดการเข้าสู่การศึกษาด้านอวกาศของไทย ก้าวแรกที่จะนำไปสู่โอกาสด้านธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศที่จะตามมา แล้วเมื่อนั้นเราก็จะมีภารกิจสำคัญๆอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น ที่เราต้องการนักบินอวกาศคนไทยขึ้นไปทำภารกิจเหล่านั้นให้กับประเทศของเรา
การทดลองแรกของไทยที่จะนำไปสู่การออกแบบยาต้านเชื้อมาลาเรียขึ้นไปสู่อวกาศเรียบร้อยแล้ว
เรามารอดูกันต่อไปว่า คนไทยคนแรกที่จะขึ้นสู่อวกาศจะเป็นใครกัน
อาจจะเป็นคนคุณเองหรือคนใกล้ตัวก็ได้นะครับ....
-----------------
ขอขอบคุณ โครงการ National Space Exploration จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ริเริ่มโครงการดีๆแบบนี้ให้กับประเทศของเราด้วยนะครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี