สกู๊ปพิเศษ : เมื่อ‘อวกาศ’ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทยอีกต่อไป

สกู๊ปพิเศษ : เมื่อ‘อวกาศ’ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทยอีกต่อไป

วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 07.39 น.

คงต้องยอมรับว่า สำหรับคนไทยแล้ว การจินตนาการว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เดินทางสู่อวกาศ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทว่าในวันนี้ ภาพฝันที่เคยดูไกลกลับเริ่มใกล้ตัวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงบันดาลใจได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมามองท้องฟ้าและตั้งคำถามว่า “ประเทศไทยจะไปอวกาศได้จริงหรือ?”

จากเรื่องที่เคยถูกมองว่าเพ้อฝันเมื่อกว่า 10 ปีก่อน วันนี้อวกาศกลับกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงวิชาการ ภาคธุรกิจ ไปจนถึงในห้องเรียนของเด็กไทย ความตื่นตัวครั้งนี้ยังนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างองค์กรด้านอวกาศ และขยายพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้มากกว่าที่เคย


หนึ่งในเวทีสำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เมื่อองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส โดยศูนย์ Thai PBS World ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARIT, |GISTDA, สวทช. – NSTDA Space Education, องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น JAXA สื่อออนไลน์ Spaceth.co รวมถึงภาคีเครือข่ายด้านอวกาศ จัดงาน “Bringing Thailand to Space: ประเทศไทยจะไปอวกาศ?” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้สะท้อนภาพรวมความก้าวหน้าของอวกาศไทย ตั้งแต่การสร้างดาวเทียม การพัฒนาบุคลากร ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต

แคลร์ ปัจฉิมานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ Thai PBS World ย้ำว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ไทยพีบีเอสจัดงานด้านอวกาศในลักษณะนี้ โดยหวังให้เป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงองค์ความรู้จากหลายภาคส่วน ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของสื่อสาธารณะ ที่ต้องการเชื่อมประเทศไทยกับเวทีโลก พร้อมส่งเสริมความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้

ความก้าวหน้าของภาคีอวกาศไทย จากความฝันสู่ดาวเทียมจริง

ด้าน พงศกร มีมาก วิศวกรวิจัยจาก NARIT และหัวหน้าทีมวิศวกร TSC-1 เล่าถึงความคืบหน้าของ “ภาคีความร่วมมืออวกาศไทย” หรือ TSC ซึ่งประกอบด้วย 14 หน่วยงานจากกระทรวง อว. เป้าหมายสำคัญคือสร้างความยั่งยืนด้านเทคโนโลยีอวกาศและพัฒนากำลังคน ซึ่งมีวิศวกรไทยกว่า 30 คนร่วมพัฒนา ดาวเทียม TSC-1 น้ำหนัก 100 กิโลกรัม อยู่ระหว่างการพัฒนาต้นแบบวิศวกรรม โดยมีการทดสอบความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน สภาพสุญญากาศ อุณหภูมิ และรังสี ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ไทยสร้างขึ้นเอง ดาวเทียมมีภารกิจด้านภาพถ่ายแบบ Hyper Spectral และการตรวจวัดสภาพอากาศอวกาศ (Space Weather) พร้อมกันนั้นยังพัฒนาดาวเทียมขนาดเล็ก TSC PathFinder-1 ที่ 80% พัฒนาโดยวิศวกรไทย คาดว่า
TSC-1 จะพร้อมปล่อยจริงราวปี 2029–2030

การสร้างดาวเทียม ด้วยฝีมือคนไทย

ชิดชนก ชัยชื่นชอบ วิศวกรดาวเทียมจาก GISTDA เล่าถึงโครงการ THEOS-3 ซึ่งออกแบบโดยคนไทย 100% บนพื้นฐานความรู้ที่ได้จาก THEOS-2 GISTDA ยังดูแลดาวเทียมหลักของประเทศหลายดวง และเตรียมปล่อย THEOS-2A ที่อินเดียในปลายปีนี้ พร้อมเดินหน้าสร้างบุคลากร ตั้งแต่การส่งวิศวกรไปฝึกปฏิบัติจริง ไปจนถึงกิจกรรม School SAT Camp เพื่อปลูกฝังเยาวชนไทยให้เข้าใจเทคโนโลยีอวกาศตั้งแต่ระดับพื้นฐาน

งานพัฒนาดาวเทียมจำเป็นต้องผ่านการทดสอบเข้มงวดตามมาตรฐานสากล “Test as you fly, fly as you test” และปัจจุบันผู้ประกอบการไทยหลายรายเริ่มผลิตชิ้นส่วนดาวเทียมได้เองแล้ว ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอวกาศไทย

เมื่อคนไทย ร่วมภารกิจสำรวจดวงจันทร์

ด้านประสบการณ์จากต่างแดน วัชราวุธ มาสวัสดิ์ วิศวกรปฏิบัติการภารกิจจากบริษัท ispace ประเทศญี่ปุ่น เล่าถึงบทบาทของคนไทยในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งแม้ภารกิจ Hakuto-R ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงจอดราบรื่น แต่เต็มไปด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์ล้ำค่า เขาเชื่อว่าคนไทยสามารถมีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้ได้ หากมีการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง

การศึกษาอวกาศ จากห้องเรียนสู่ดาวเทียมจริง

พงศกร มีมาก วิศวกรวิจัยจาก NARIT และหัวหน้าทีมวิศวกร TSC-1 พูดถึงเส้นทางของตัวเองที่เริ่มจากโครงการ NEXTSAT ตั้งแต่ปี 2014 และย้ำว่าคนทำงานด้านอวกาศต้องอาศัย Passion และ Positive Mindset เพราะงานอวกาศเต็มไปด้วยปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ โครงการอวกาศควรเน้น “การพัฒนาคน” เป็นหลัก เพราะดาวเทียมเป็นเพียงผลผลิตปลายทาง

ปริทัศน์ เทียนทอง จาก สวทช. กล่าวถึงความร่วมมือกับ JAXA ผ่านโมดูล Kibo บน ISS และโครงการต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนไทยออกแบบการทดลองในสภาวะไร้น้ำหนัก หรือแม้แต่เขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์บนสถานีอวกาศ ซึ่งช่วยสร้าง “Space Citizen” รุ่นใหม่ของประเทศ

ด้านการพัฒนาบุคลากร ดร.พงศกร สายสุจริต ผู้ร่วมสร้างดาวเทียม CubeSat ดวงแรกของโลกเมื่อปี 2003 มองว่า อุตสาหกรรมอวกาศไม่ได้มีแค่จรวดหรือดาวเทียม แต่ครอบคลุมวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และการสื่อสาร สิ่งที่ไทยต้องการที่สุดคือ “คน” เพราะดาวเทียมเป็นเพียงผลลัพธ์จากทีมงานที่แข็งแกร่ง

บทบาทของสื่อ ทำให้อวกาศเป็นเรื่องของทุกคน

ธรณินทร์ เทพวงค์ ผู้สื่อข่าววิทยาศาสตร์ Thai PBS World เล่าว่าความท้าทายคือการทำให้เรื่องอวกาศที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย เพราะข่าวอวกาศไม่เพียงเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่เป็นแรงบันดาลใจให้สังคมหันมามองเห็นคุณค่าของการพัฒนาบุคลากรในประเทศ

Space Economy โอกาสเศรษฐกิจที่กำลังเปิดออก

ดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศ GISTDA อธิบายว่า การขับเคลื่อน Space Economy ของไทยเริ่มต้นจากบทบาทของภาครัฐเป็นสำคัญ ประเทศไทยทำวิจัยด้านดาวเทียมมานานกว่า 50 ปี และมีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมแห่งแรกตั้งแต่ปี 2525 ขณะที่ดาวเทียมไทยคมในปี 2536 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนจากภาคเอกชน

ปัจจุบัน GISTDA กำลังพัฒนา “Space Innovation Park” ที่ศรีราชา เพื่อสร้างระบบนิเวศอวกาศครบวงจร และได้จัดตั้งสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศเพื่อผลักดันเรื่องนี้โดยเฉพาะ ความท้าทายสำคัญคือการทำให้ประเด็นอวกาศถูกยกระดับเป็นนโยบายระดับชาติอย่างแท้จริง เพื่อให้ไทยสามารถก้าวทันนวัตกรรมและการแข่งขันของโลกอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า “ความต่อเนื่อง” คือหัวใจของการพัฒนาอวกาศไทย ตั้งแต่นโยบายงบประมาณข้ามปี ไปจนถึงการสร้างบุคลากร หากขาดความสม่ำเสมอ โครงการระยะยาวย่อมสะดุดและเสี่ยงเสียคนเก่งออกจากระบบ งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศจึงต้องได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ไทยพลาดโอกาสในอุตสาหกรรมโลก

และเหนือสิ่งอื่นใด เศรษฐกิจอวกาศควรถูกยกระดับเป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้ความฝันของไทยบนเวทีอวกาศก้าวสู่การเป็นอนาคตที่เกิดขึ้นจริง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top