หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้ตอบปัญหาธรรมเรื่อง "ทานบารมีเต็ม" ซึ่งได้ตีพิมพ์ไว้หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ 22" แบบถาม-ตอบ ไว้ดังนี้
ถาม - “หลวงพ่อครับ ฆราวาสนี่มีทางที่ทำให้ทานบรามีเต็มไหมครับ...?
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - มี ก็พระพุทธเจ้าท่านเคยเป็นฆราวาสมาก่อน ฆราวาสที่เขาฟังเทศน์จบเดียวเป็นพระอรหันต์น่ะ เขาเต็มทุกอย่างทั้ง 10 อย่าง เต็มหมดแล้ว แต่คำว่าสาวก เขาแปลว่าผู้รับฟัง ถ้าไม่รับฟังคำสอนนี่บรรลุอรหันต์ไม่ได้ เหมือนกับน้ำที่เต็มตุ่มแล้วแต่เจ้าของไม่รู้จักเปิดฝา
ถาม -“ฉะนั้น ที่ไม่สามารถจะบรรลุได้อยู่ที่ว่าไม่ได้เปิด”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ยังไม่ได้ฟัง สาวกภูมิ สาวกะ แปลว่า ฟัง ไงล่ะ
ถาม - “ที่นี้ว่าจะทำบุญแบบไหนจึงจะไปเจอพระที่เปิดฝาถูกใจและได้ผลเร็วครับ...?”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ก็ทำบุญกับฉันซิ (หัวเราะ) เอาย่ามเปิดไว้เสมอ อย่างถามเมื่อกี้น่ะมันมีเหตุมีผล การรับฟังนี่ต้องเฉพาะบุคคลที่เคยเนื่องกันมา แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่จะโปรดคนได้ทุกคน สังเกตไหมว่าเวลาที่จะตรวจอุปนิสัยของสัตว์ ตอนหัวค่ำน่ะตรวจไกลเข้ามาหาใกล้ ถ้าตอนเช้ามืด ตรวจใกล้ไปหาไกล
หมายความถึงว่าตรวจตั้งแต่ใกล้ที่กุฏิยาวไปทั่วจักรวาล ถ้าไกลเข้าหาใกล้หมายถึงว่าจากจักรวาลไปหากุฏิ ว่าวันนี้ใครจะบรรลุมรรคผลบ้าง ใครตกในข่ายพระญาณบ้าง ใช่ไหม ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรวจอุปนิสัยทุกวันต้องพบว่าคนนั้นคนนี้ต้องบรรลุมรรคผลอยู่ที่ไหน ชื่ออะไร บุญเก่าทำอะไรไว้ จะไปพูดว่ายังไงจึงบรรลุมรรคผลนี่รู้หมด
แต่ทว่าถ้าตรวจอีกครั้งอีกจุดว่าเราจะไปก่อนเองดีหรือให้ใครไปก่อน คนนี้เคยเนื่องกับเราหรือเปล่า ถ้าเคยเนื่องกับพระองค์ก็โปรดเอง ถ้าไม่เคยเนื่องกับพระองค์ พระองค์ก็ทรงดูก่อนว่าพระอยู่กับท่าน มีใครบ้างไหมที่เคยทำบุญร่วมกับคนนี้มาก่อน ถ้ารู้ว่าองค์นั้นเคยทำบุญร่วมกันมาก่อนใช้องค์นั้นไปก่อน เขาจะพูดกันรู้เรื่องง่าย
ในเมื่อองค์นั้นไปแล้ว เรียกว่าทะเลาะกันก่อน ไม่ใช่ดีกันนะ โต้กันไปเถียงกันมา เถียงไปเถียงมา แพ้ แพ้พระใช่ไหม ทีนี้พระพุทธเจ้าก็เสด็จเหาะไปเลย เหาะไปเดี๋ยวนั้นเลย เหาะไปแล้วก็ลงไปนั่งข้างๆ พระองค์นั้นก็เข้าไปกราบว่านี่คืออาจารย์ของเรา พราหมณ์นั้นเลยนึกว่าลูกศิษย์เก่งขนาดนี้ อาจารย์จะเก่งมากกว่านี้เลยรับฟังเทศน์ พอเทศน์จบก็เป็นพระอรหันต์
ฉะนั้น การรับฟังการแนะนำก็เหมือนกัน เวลานี้เวลานั้นก็เหมือนกัน คนต้องเนื่องกันมาในชาติก่อน ถ้าไม่เนื่องกันมาไม่มีทางรู้เรื่อง
ถาม - “ยังงั้นก็แสดงว่าลูกหลานทั้งหมดที่นั่งกันประจ๋อประแจ๋นี่ ก็ทั้งเนื่องทั่งเกี่ยวกันมานะครับ...?”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ก็ไม่แน่ ประเภทลองมาดูก็มี รู้ทุกวันแหละ ใครนั่งตรงไหนก็รู้หมด
ถาม - “อยากจะขอคำแนะนำในการวางกำลังใจเวลาทำบุญทุกครั้งครับ...?”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ก็ตั้งใจไว้ อั๊ว..จะทำบุญๆ
ถาม - “นี่หลวงพ่อพูดพระไตรปิฏกฉบับจีน”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ใช่ๆๆมันใกล้ประเทศไทย ประเทศจีนมันติดกัน
ถาม - “อ๋อ...ตั้งใจล่วงหน้าไว้ก่อนว่าจะทำๆ”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ทำด้วยจิตบริสุทธิ์อานิสงส์มันสูง ทำด้วยความจำใจได้เหมือนกันแต่ผลมันต่างกัน บุญเท่ากันเป็นเทวดาได้เหมือนกัน เป็นนางฟ้าได้เหมือนกัน แต่หน้ายู่ ความเป็นทิพย์เศร้าหมองไม่เหมือนกัน มันอยู่ที่จิตนะ
ถาม - “หลวงพ่อคะ ที่หลวงพ่อบอกว่าที่สมเด็จฯบอกว่า จะเอาของทั้งหลายทั้งโลกทำให้บารมีเต็ม แสดงว่าการทำบารมีให้เต็มนี่ขึ้นอยู่กับของที่ถวายใช่ไหมคะ...?”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ไม่ใช่ แต่ว่ามันขึ้นกับของเหมือนกัน แต่ของก็เนื่องด้วยกำลังใจ ถ้าไม่มีของให้ก็ไม่ถือว่าทานบารมี แต่ของไม่เต็มโลก ให้กำลังใจมันเต็ม จิตพร้อมที่จะให้อยู่เสมอ แต่จิตไม่คิดจะขโมยใคร ไม่อยากจะลักของใคร
ถาม - “คือว่าเวลาทำบุญ อย่างเราทำบุญด้วยปัญญา ว่าทำบุญให้ฉลาดให้บารมีเพิ่มพูนด้วย”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - คำว่าบุญเขาแปลว่าดี ทำบุญคือทำความดีใช่ไหม บาปเขาแปลว่าชั่ว ทำบาปคือทำความชั่ว
ถาม - “ทุกวันนี้ค่ะ ศีลก็รักษา บุญก็ทำ แต่ทำไมยังไม่ก้าวหน้าเรื่องธรรมะเลย พอหลวงพ่อไม่อยู่ก็ฟุ้งซ่าน”
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ก็ก้าวหน้าทุกวันหมดเรื่องหมดราว ใครเขาถอยหลัง ไม่มีใครเขาเดินถอยหลัง บางครั้งบางคราวนานๆจะเดินถอยหลังสักครั้งหนึ่ง มันก้าวหน้าทุกวันเรื่อยๆ มันแก่ทุกวัน
ถาม - "พอหลวงพ่อไม่อยู่นิวรณ์ก็ครอบ เป็นคนขี้โมโห"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ดี ไอ้นั้นดีมาก เป็นการพิสูจน์กำลังของตัว ต้องมีประสบการณ์ เขาทรายเมื่อคืนนี้ถ้าไม่ชกกันไม่รู้ว่าเก่ง เห็นไหม
ถาม - "อ้อ...ถ้าไม่ขึ้นซ้อมก็ไม่รู้"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ใช่ ขึ้นซ้อมก็ยังไม่แน่ ต้องขึ้นชกจริง นี่กรรมเก่าเข้ามาสนองจริงๆ เราแพ้หรือชนะ มันก็ต้องชนะบ้างแพ้บ้างเป็นของธรรมดา เพราะยังไม่หมดกิเลส
ถาม - "แล้วประเภทแพ้ตลอดล่ะครับ...?"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - แพ้ตลอดน่ะดีมาก อ้าว...ไม่ต้องนับไงเล่า(หัวเราะ)พอขึ้นไปก็แพ้เลย ไม่ต้องเสียเวลาซ้อม
ถาม - "ข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่าการปฏิบัติยังขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง จะได้พัฒนาขึ้นบ้างค่ะ"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - เอายังงี้ก็แล้วกัน ขาดตกบกพร่องทั้งหมด ต้องใช้ค่าครูแพงหน่อย (หัวเราะ)
ถาม - "การปฏิบัตินี่บางทีแพ้บางทีก็ชนะ"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ก็เป็นของธรรมดา ถ้ายังไม่สิ้นกิเลสเพียงใด คำว่าแพ้ยังปรากฏ ไอ้คำว่าสิ้นกิเลสนั่นหมายถึงว่า เอาสังโยชน์ 10 เข้ามาวัด ไม่ใช่เดาส่งเดชกัน การปฏิบัติถ้าไม่เข้าสังโยชน์ 10 ก็ไม่ไหว ทำยังไงก็ไม่ไปไหน นั่งสมาธิกันเฉื่อยไป กูเห็นนั่นกูเห็นนี่ กูเห็นนี่กูเห็นนั่น ไม่ได้เรื่อง
ถาม - "ที่เป็นอยู่ก็รักษาศีล สมาธิไม่ค่อยได้นั่ง ถ้าเกิดตายจะไปนิพพานได้ไหมคะ...?
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ศีล สมาธิ ปัญญา แต่มันก็ไม่แน่ลูกการใช้ปัญญามันใช้ไม่มาก เราจะรู้ได้เมื่อเวลาเราจะตาย
ถาม - "ทำบุญทุกครั้งก็อธิษฐานว่าขอให้ไปนิพพานๆๆ"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - การทำบุญกับพระ การบูชาพระ ก็ขออธิษฐานว่าไปนิพพานชาตินี้ ตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพาน ที่นี้ถ้าเวลาเราจะตายจริงๆ มันเกิดเบื่อร่างกายขึ้นมา เวลานั้นจิตหวังนิพพาน มันก็ไปนิพพานทันที
ถาม - "อ๋อ....ทุกคนเวลาป่วยจัดๆ ใกล้จะตาย มันก็ไม่อยากจะได้อะไรอีก
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ใช่ มันไม่มี มันป่วยแล้ว อยากไปนิพพาน
.........................
คัดลอกจาก ธรรมปฏิบัติ22โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี