ไฟเขียว'หาบเร่แผงลอย'ถูกกฎหมาย ดราม่าร้อนๆในเมืองหลวงแดนอิเหนา

ไฟเขียว'หาบเร่แผงลอย'ถูกกฎหมาย ดราม่าร้อนๆในเมืองหลวงแดนอิเหนา

วันจันทร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562, 20.13 น.

“หาบเร่แผงลอย” ประเด็นที่เอ่ยทีไรก็เป็น “ดราม่า” หรือข้อขัดแย้งในสังคมเสมอ อย่างล่าสุดในประเทศไทย กรณี กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักเทศกิจ ออกมาเปิดเผยเมื่อ 10 ก.ย. 2562 ว่า กทม. จะยกเลิกจุดผ่อนผันให้ค้าขายได้ที่เหลืออีก 175 จุด ให้หมดภายในสิ้นปี 2562 จากที่ยกเลิกไปแล้ว 508 จุด หรือหมายถึง “ปีใหม่ 2563 กรุงเทพฯ จะปลอดหาบเร่แผงลอยอย่างสิ้นเชิง” เรื่องนี้ก็มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนโดยยกเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย และฝ่ายคัดค้านที่ยกเรื่องการทำมาหากินรวมถึงความสะดวกและประหยัดของผู้บริโภคที่เป็นคนระดับล่างในเมือง

แน่นอนวิวาทะเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย ล่าสุดที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อผู้ว่าการเมืองหลวงแดนอิเหนา อานิส บาสเวดัน (Anies Baswedan) ประกาศนโยบาย “ส่งเสริมให้ผู้ค้าขายแบบหาบเร่แผงลอย สามารถใช้พื้นที่ทางเท้าในกรุงจาการ์ตาค้าขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” ก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้ง 2 ด้าน ไม่ต่างจากที่เกิดขึ้นในเพื่อนบ้านร่วมประชาคมอาเซียนอย่างประเทศไทย


สำนักข่าว Channel News Asia (CNA) ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ “Peddlers versus pedestrians? Jakarta governor's plan to legalise street vendors divides the city” เมื่อ 13 ก.ย. 2562 ระบุว่า “สำหรับอินโดนีเซียในปัจจุบัน หาบเร่แผงลอยยังเป็นอาชีพผิดกฎหมาย” ผู้ค้าต้องระมัดระวัง โดยมีเครือข่ายคอยแจ้งข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะลงตรวจพื้นที่เมื่อใด โดยกรุงจาการ์ตาที่มีประชากรราว 9.6 ล้านคน มีเจ้าหน้าที่เทศกิจประจำการ 1,600 คน นิเวล เรย์ดา (Nivell Rayda) ผู้เสนอข่าวนี้ เล่าว่า บางวันจะไม่มีผู้ค้าปรากฏตัวให้เห็น แม้วันอื่นๆ จะมีเป็นจำนวนมากก็ตาม

หาบเร่แผงลอยที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย (ที่มา : Nivell Rayda , CNA)

กระทั่งการมาของ อานิส เขาได้ประกาศว่าจะหาช่องทางตามกฎหมายเพื่อรับรองการค้าขายบนทางเท้า โดยแม้ด้านหนึ่งจะมีกฎหมายห้ามพฤติกรรมใดๆ ที่กีดขวางทางเท้าและถนน แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีกฎหมายอื่น อาทิ กฎหมายว่าด้วยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมกับย้ำว่า “ทางเท้าใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเพียงการเอาไว้เดิน เราจะไม่บอกว่าทางเท้าต้องปลอดหาบเร่แผงลอยเพียงเพราะมันเป็นทางเท้าเท่านั้น” แต่แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้การอนุญาตตามกฎหมายของกระทรวงกิจการสาธารณะ (Ministry of Public Works)

พ่อเมืองคนปัจจุบันของกรุงจาการ์ตา กล่าวต่อไปว่า “เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก ต่างก็ยอมรับการขายของบนทางเท้าเป็นอาชีพถูกกฎหมาย ภายใต้การออกระเบียบมาควบคุม” และในส่วนเมืองหลวงของอินโดนีเซียก็กำลังร่างกฎระเบียบนั้นอยู่เช่นกัน อาทิ กำหนดพื้นที่โดยหากทางเท้าจุดใดแคบมากๆ ก็จะไม่อนุญาตให้ขาย รวมถึงกำหนดขนาดของแผงหรือร้านที่ผู้ค้าสามารถตั้งได้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะปล่อยเสรีให้ขายตรงไหนอย่างไรก็ได้ทั้งหมด

แต่แน่นอนว่าแนวคิดของ อานิส จุดกระแสให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมอินโดนีเซีย ฝ่ายที่สนับสนุนหาบเร่แผงลอยมองว่านี่คือสวรรค์ แต่ฝ่ายคัดค้านบอกว่านั่นมันฝันร้ายชัดๆ รายงานของ CNA ยกตัวอย่างผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่สนับสนุนหาบเร่แผงลอย ให้เหตุผลว่า “หาบเร่แผงลอยถือเป็นทางเลือกที่ไม่แพงในการหาอาหารรับประทานของคนในเมือง” ผู้ค้าและผู้ใช้ทางเท้าสามารถอยู่ร่วมกันได้ดังที่เห็นในประเทศอื่นๆ จึงสนับสนุนการจัดระเบียบมากกว่าการห้ามอย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกันก็ยกตัวอย่างผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายที่มองว่า “หากทางการอินโดนีเซียอนุญาตให้ใช้ทางเท้าเป็นพื้นที่ขายสินค้า ย่อมกระทบต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของคนเดินเท้า” พร้อมกับย้ำว่ารัฐบาลได้เงินภาษีเพื่อสร้างถนนและทางเท้า จึงมีหน้าที่ต้องดูแลด้วย โดยข้อมูลจากกระทรวงกิจการสาธารณะของอินโดนีเซีย ระบุว่า ในกรุงจาการ์ตามีพื้นที่ทางเท้า 500 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ถนนมีถึง 7,000 กิโลเมตร ซึ่งเดิมทีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้วว่าก่อสร้างและบำรุงรักษาได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเมื่อเพิ่มหาบเร่แผงลอยลงไปอีกย่อมสร้างความลำบากให้ผู้ใช้ทางเท้า

“Tanah Abang” หนึ่งในย่านที่หาบเร่แผงลอยหนาแน่นของกรุงจาการ์ตา  (ที่มา : Nivell Rayda , CNA)

อัลเฟรด ซิทอรัส (Alfred Sitorus) ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้ทางเท้าในอินโดนีเซีย (Indonesian Pedestrian Coalition) แสดงความกังวลว่า “ขนาดปัจจุบันผิดกฎหมายยังมีผู้ค้าจำนวนมาก ถ้าทำให้ถูกกฎหมายจำนวนผู้ค้าจะยิ่งเพิ่มทวีคูณราวกับกระแสน้ำที่ทะลักจากเขื่อนแตกหรือไม่ ทั้งนี้รายงานข่าวยังพาไปเยี่ยมชมย่าน Tanah Abang ที่ที่ผู้ค้าแผงลอยจะจับจองพื้นที่สองฝั่งของทางเท้า สำหรับขายสินค้าที่ส่วนใหญ่คือเสื้อผ้าและรองเท้าราคาถูก จนแทบไม่เหลือที่ให้เดิน หลายครั้งการสัญจรต้องหยุดนิ่งเมื่อผู้คนหยุดดูสินค้า

อัลเฟรด ซึ่งทำงานเคลื่อนไหวด้านสิทธิของคนเดินเท้า เสนอแนะว่า ผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ตาควรเลือกใช้วิธีการอื่นๆ แทนการเรียกร้องให้ผู้ใช้ทางเท้าต้องเสียสละ เช่น จัดสรรพื้นที่ที่ริมถนนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาทำเป็นตลาด หรือแสวงหาความร่วมมือกับเจ้าของอาคารต่างๆ แม้กระทั่งกับเจ้าของห้างสรรพสินค้า เพื่ออุทิศสถานที่ให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้ย้ายไปขายสินค้า

ไม่เพียงแต่ผู้ใช้ทางเท้าเท่านั้น “ผู้ที่ขายของตามห้างสรรพสินค้า” ก็คัดค้านด้วยเช่นกัน อาทิ อัสไพเรซี มูดา (Aspiracy Muda) ผู้ขายเครื่องแต่งกายของชาวมุสลิม กล่าวว่า “ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอย่างที่คนทำมาค้าขายในห้างต้องจ่าย ทำให้พวกเขาสามารถขายสินค้าได้ในราคาถูกกว่า และเป็นที่พบเห็นของลูกค้าก่อนผู้ค้าในห้างเสมอ” นอกจากนี้ เขายังเล่าอีกว่า บาซากิ จาฮาจา เปอร์นามา (Basuki Tjahaja Purnama) ผู้ว่าฯ จาการ์ตา คนก่อน เคยไล่ผู้ค้าแผงลอยให้ไปขายของในตลาด แต่ในยุคของ อานิส หาบเร่แผงลอยก็กลับมาอีกครั้ง

อาร์ฟินี (Arfini) หญิงวัย 54 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าและผ้าคลุมศีรษะของหญิงมุสลิม เล่าว่า เธอใช้ร้านค้าในห้างใกล้ๆ เป็นที่เก็บสินค้าเท่านั้น ส่วนหน้าร้านที่ขายสินค้าคือบริเวณทางเท้า หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะไม่มีลูกค้าเพราะบรรดาร้านค้าแผงลอยได้บดบังหน้าร้านของเธอไปแล้ว “กับเทศกิจมันก็เหมือนการเล่นเกมแมวจับหนู” เมื่อเจ้าหน้าที่บุกจู่โจม เธอก็จะกลับเข้าไปซ่อนที่ร้านในห้าง

Anies Baswedan (ขวา) ขณะหาเสียงช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ตา ในปี 2560 (ที่มา : Reuters , CNA)

ย้อนกลับไปในปี 2560 ที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ตา อานิส ได้ให้ความเห็นว่า “ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่อ่อนแอเพราะถูกรังแกจากการขับไล่ คนเหล่านี้ต้องได้รับการช่วยเหลือและเสริมพลังให้เข้มแข็ง” และนั่นคือที่มาว่าเหตุใดหลังจากเขาคว้าชัยชนะได้ครองเก้าอี้ผู้ว่าฯ เมืองหลวงอินโดนีเซีย นายอานิส ได้พยายามผลักดันการใช้มาตรการอนุญาตหาบเร่แผงลอยให้ค้าขายแบบจัดระเบียบแทนการขับไล่กวาดล้าง

แต่เป้าหมายของนายอานิสก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากเสียงคัดค้านจากประชาชนกลุ่มหนึ่งแล้ว ยังมีเสียงจากนักวิชาการ อาทิ เนอร์โวโน โจกา (Nirwono Joga) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางผังเมือง มองว่า ผู้ว่าฯ จาการ์ตากำลังสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายว่าด้วยการจราจรและถนนเสียเองหากสนับสนุนหาบเร่แผงลอย ที่สำคัญคือ “หากจาการ์ตามีแผงลอยได้ ต่อไปเมืองอื่นๆ ทั่วอินโดนีเซียคงเอาอย่าง” ซึ่งคงไม่ต้องจินตนาการถึงความไร้ระเบียบ และยังย้ำด้วยว่าต่อให้มีกฎหมายจัดระเบียบ บรรดาผู้ค้าก็ไม่เคยทำตามกฎอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับนักการเมืองฝ่ายค้าน อิมา มะห์ดิอะห์ (Ima Mahdiah) ที่ไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่า “หากผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้รับการรับรองอย่างถูกกฎหมาย ย่อมไม่เป็นธรรมกับผู้ขายของในร้านค้าที่เสียภาษี” รวมถึงนักการเมืองพรรคร่วมฝ่ายบริหาร ซิตา อันจานี (Zita Anjani) ที่เตือนว่า “แม้ผู้ว่าฯ จะมีเจตนาดีที่เห็นความสำคัญด้านสวัสดิการของประชาชน แต่ก็ต้องตรวจสอบให้รอบคอบว่าแผนที่วางไว้ไม่ผิดกฎหมาย” และต้องรับรองว่าผู้ค้าจะไม่กีดขวางผู้ใช้ทางเท้า

รายงานของ CNA ปิดท้ายที่ อินา สุทิสนา (Ina Sutisna) แม่ค้าขายเครื่องดื่มในสวนสาธารณะ กล่าวสนับสนุนแผนการของผู้ว่าฯ จาการ์ตา โดยระบุว่า ผู้ค้าที่ขายเครื่องดื่มอย่างเดียวไม่คุ้มค่าหากจะไปเช่าตู้หรือพื้นที่ตั้งร้านค้า เพราะวันๆ หนึ่งก็ขายได้ไม่มากนัก “ขอให้มีพื้นที่ขายอย่างถูกกฎหมาย และต้องแน่ใจว่าพื้นที่นั้นจะมีผู้คนไปซื้อสินค้าด้วย” เพราะที่ผ่านมาก็เบื่อการมีปัญหากับเทศกิจเต็มทีแล้ว

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก : https://www.channelnewsasia.com/news/asia/indonesia-jakarta-peddlers-pedestrians-governor-plan-legalise-11894728

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top