จากคดีดังที่ “สังหารโหด” หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 โดยผู้ก่อเหตุคือ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” เจ้าของสถานบันเทิงย่านซอยบางลา จ.ภูเก็ต พร้อมพวกอีก 6 คน ที่ร่วมกันฆ่า น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ “สปาย” อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ “ฟอส” อายุ 21 ปี ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนั้นเกิดจาก “ความรัก” ที่แปรเปลี่ยนเป็น “ความแค้น”
เมื่อเสี่ยอ้วนหลงรักสปายสาวที่ทำงานในสถานบันเทิงของตน จึงทุ่มเทเงินทองให้มากมายแต่สปายก็ยังไม่รับรัก หนำซ้ำยังจับได้ว่าสปายหนีไปทำงานกับฟอสที่ จ.นครปฐม ซึ่งทั้งคู่นั้นได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่โกหกว่าเป็น “เพื่อนสาว” มาตลอด ก็ยิ่งสุมไฟแค้นในรักครั้งนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ก่อนวันเกิดเหตุ 2 วัน เสี่ยอ้วนได้เดินทางจากสนามบินภูเก็ตมาลงเครื่องที่ “สนามบินอู่ตะเภา” ก่อนนัดลูกน้องทีมสังหารลงมือ
ในวันเกิดเหตุตรงกับวันเกิดของสปาย พอดี เสี่ยอ้วน ได้วางแผนให้นายสายันต์ ศรีสุข มือชี้เป้าเข้าไปตีสนิทกับ นายวราเทพ มาสูงเนิน หรือ “อั้ม” เพื่อนสนิทของทั้งคู่ จึงได้ชักชวนกันเดินทางไปฉลองวันเกิดที่พัทยา หลังจากไหว้พระเสร็จ “สปาย-ฟอส” ได้เดินไปยังรถที่เช่ามา บริเวณลานจอดตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ระหว่างนั้นได้มีรถโตโยต้า ยาริส สีขาว ขับเข้ามาปิดท้ายรถเหยื่อ ซึ่งมีนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ “ป๊อปปี้” ขับมาพร้อมกับกับนายกฤษณะ สีสุข หรือ “มด” ขณะเดียวกันนายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ “บอล” ขับรถฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว พาเสี่ยอ้วน และนายณรงค์ วรินทรเวช หรือ “บ่าว” 2 มือปืน ขับเข้ามาประชิดก่อนจะลั่นไกใส่เหยื่อทั้งคู่ 7 นัด ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี
โดย “บอล” กับ “เสี่ยอ้วน” ได้หนีไปทาง จ.สุรินทร์ เพื่อข้ามแดนไปประเทศกัมพูชา แต่ด่านปิดเสียก่อนจึงต้องเปลี่ยนไปข้ามแดน “ผ่านช่องทางธรรมชาติ” แทนโดยมีนายน้อยพาหนี ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุคนอื่นๆได้นำรถเช่าไปคืนก่อนจะตามเสี่ยอ้วนข้ามแดนไปทางเดียวกันแต่ก็ไม่รอด เพราะในวันที่ 1 ส.ค.61 ตำรวจสามารถจับกุมนายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ “บอล” คนที่พาเสี่ยอ้วนหลบหนีไป อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก่อนหนีไปกัมพูชา ต่อมาวันที่ 3 ส.ค.61 ชุดสืบสวนได้คุมตัวนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ “ป๊อปปี้” หนึ่งในทีมสังหาร คนขับรถเช่าโตโยต้า ยาริส สีขาว ผู้ทำหน้าที่สะกดรอยติดตามเหยื่อได้ติดต่อขอมอบตัว จากนั้นวันที่ 4 ส.ค.61 นายกฤษณะ ศรีสุข หรือ “มด” ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายบอล ในการสะกดรอย ได้เข้ามอบตัว
หลังจากนั้นวันที่ 6 ส.ค.61 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 สามารถจับกุมนายณรงค์ วรินทรเวช หรือ “บ่าว” มือปืนผู้ลั่นไกสังหารได้ หลังหนีมาซ่อนตัวในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมซัดทอด “เสี่ยอ้วน” ว่าเป็นคนถือปืนทั้ง 2 กระบอกยิงใส่เหยื่อก่อน นายบ่าวจึงตามมายิงซ้ำอีก 4 นัดก่อนแยกกันหลบหนีไป ขณะที่ลูกน้องพากันทยอยมอบตัว แต่เสี่ยอ้วนได้หนีไปกบดานที่กัมพูชา ทำให้ตำรวจไทยต้องประสานทางการให้ช่วยจับกุมเสี่ยอ้วน
กระทั่งวันที่ 15 ส.ค.61 ตำรวจกัมพูชาจับกุมเสี่ยอ้วน ได้ที่จังหวัดไปรเวง ประเทศกัมพูชา ขณะเตรียมหลบหนีเข้าเวียดนาม จึงเร่งประสานขอตัวกลับมาดำเนินคดี ทางการจึงคุมตัวเสี่ยอ้วนมาส่งเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ในคืนวันที่ 21 ส.ค.61 ก่อนจะคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป สตช.เพื่อสอบสวนดำเนินคดีทันที
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.ค.62 ศาลจังหวัดพัทยาสืบพยานโจทก์เป็นนัดแรก โดยมีแม่ของสปายเป็นพยานปากแรก และแม่ของฟอสเป็นพยานปากที่ 2 ซึ่งแม่ของฟอสเผยว่า ยังคงคิดถึงลูกชายเสมอ เชื่อในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ศาลจังหวัดพัทยานัดสืบพยานทั้ง 9 นัด โดยสืบพยานโจทก์ 5 นัด และสืบพยานจำเลย 4 นัด
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ย.62 ศาลจังหวัดพัทยานัดพิพากษาประหารชีวิตนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน กับพวกคดีร่วมฆ่านางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์ (สปาย) และนายอนันต ชัยจริตรัมย์ (ฟอส) บริเวณลานจอดรถหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี เมื่อปี 2561
ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนาย สายันต์ มือชี้เป้า ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี (2กรรม) จำเลยที่ 3 และ 6 ศาลสั่งจำคุกกรรมละ 12 ปี ลดโทษ เหลือรวมจำคุก 16 ปี พร้อมให้จำเลย 1-6 ชดใช้ครอบครัวน้องฟอส 7,320,000 บาท และครอบครัวน้องสปาย 7,312,000 บาท
นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปายที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาบอกว่า รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลพัทยาซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร โดยเล่าว่าเมื่อเข้าไปคำพิพากษานั้นเสี่ยอ้วน ได้ยกมือขอโทษแต่ตนก็ไม่ได้พูดอะไรก็ได้นั่งลง
ด้านนางสาวจอมศรี ชมพูพื้น แม่ของฟอส บอกว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ที่ลูกชายต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรนั้นยังคงจำฝังใจไม่ลืม และยังทำใจไม่ได้ สำหรับผลการตัดสินของศาลในวันนี้ตนก็ยอมรับ และเงินที่เสี่ยอ้วนต้องชดใช้ตามคำสั่งศาลนั้นถ้าเสี่ยอ้วนจะไม่จ่ายก็ไม่เป็นไร ก็ขอให้รับโทษที่หนักกว่าจำคุกตลอดชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี