กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มี ส.ส.บางรายยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับมูลค่าทรัพย์สิน เช่น เหล็กไหล (โคตรเหล็กไหล) ที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท (มหาเหล็กไหล) มูลค่า 300 ล้านบาท อุกกาบาต 10 ล้านบาท รวมถึงพระเครื่องต่างๆ อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ 30 ล้านบาท เป็นต้น

“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้เดินทางไปยังชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น 3 ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่างามวงศ์วาน เพื่อพูดคุยและขอข้อมูล และสอบถามเกี่ยวกับราคาของพระเครื่องต่างๆ โดยเซียนพระรายหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวฯ ว่า หากพระที่วงการยอมรับมีการเช่ากันถึงหลัก 10 ล้านบาท ส่วนราคานั้นอยู่ที่ความพอใจของผู้เช่าและผู้ให้เช่าที่จะตกลงกัน พระอยู่ที่คนอยู่ที่เจ้าของจะตีมูลค่า เจ้าของตีราคาอยู่ประมาณ 40-50 ล้านบาท สามารถตั้งราคาได้ไม่ผิด แต่ถ้าออกสู่ตลาดถ้าพระสวยสมบูรณ์ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่ต้องการ

เซียนพระ เล่าต่อว่า จริงๆ  “พระกริ่งปวเรศ” เป็นพระกริ่งที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์โปรดให้พระยาเวียงในนฤบาลสร้างขึ้น มีพระพุทธรูปลักษณะ ปางหมอยา เป็นชื่อเรียกพระกริ่งที่สร้างโดยฝีมือของช่างสิบหมู่ หรือ ช่างหลวง ตั้งแต่ พ.ศ. 2382 - พ.ศ. 2434 ซึ่งสร้างขึ้นในแต่ละครั้งก็ราวๆ หลักสิบ ไม่ถึงหลักร้อยองค์ ในแต่ละครั้ง แต่ด้วยการเวลาทำให้ของสูญหาย แต่ในวงการเท่าที่เหลือประมาณหลักสิบๆองค์ขึ้นไป ส่วนการดูว่าแท้หรือไม่นั้นต้องนำพระมาให้ดูซึ่งวงการเซียนพระจะรู้ว่าพระแท้หรือไม่แท้

“พระแท้หรือไม่นั้น มันพิสูจน์กันได้ แต่เหล็กไหลไม่มีใครพิสูจน์ได้ ไม่สามารถตีราคาได้ แต่หากเราศรัทธาไม่ว่าจะเป็นอะไรก็มีมูลค่าทางจิตใจของผู้เช่า”

ทั้งนี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า กรณีที่จะมีผู้ร้องมายังป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบการที่ส.ส.ยื่นแสดงรายการทรัพย์สิน ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเกินจริงหวั่นฟอกเงินหรือไม่นั้น ขั้นตอนแรกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจะต้อง ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงเสียก่อน ซึ่งหากพบว่าเป็นจำนวนที่มากมายจนผิดสังเกต จนถึงกับต้องร้องโอ้โห ตั้งราคาผิดไปแปลกๆ ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินลงไปขอตรวจสอบข้อเท็จจริง และถือว่าเป็นบุคคลที่เราควรจะต้องเฝ้าระวัง

“การตรวจบัญชีทรัพย์สินในกรณีเข้ารับตำแหน่งนั้น หมายถึงตรวจเอาไว้เป็นฐานเบื้องต้นก่อนที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ แต่ถ้ายื่นมาแบบผิดปกติ หรือตีราคาเว่อร์เกิน เราก็ต้องตรวจแบบเฝ้าระมัดระวัง อย่างไรก็ตามไม่เหมือนทองคำที่มีราคากลางให้เราเทียบเคียงได้ชัดเจน แต่อย่างเหล็กไหลไม่มี หรือแม้แต่พระเครื่องก็เช่นกันถึงแม้ว่าจะมีตลาดพระเครื่องแต่ราคามาตรฐานในวงการมีหรือไม่” นายวรวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามจากการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ โอเวอร์เกินไปหรือไม่นั้น ซึ่งทางข้อเท็จจริงก็คงต้องตรวจสอบกันต่อไป ส่วนด้านความศรัทธาหรือความชอบนั้นก็อยู่ที่ผู้เสนอราคาและผู้เช่า ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้...

ภาพจาก : https://www.kaidee.com/product-344563551