วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ

สกู๊ปแนวหน้า : ‘ป่าประ-นบพิตำ’ วิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต

วันพฤหัสบดี ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : สกู๊ปแนวหน้า
  •  

“ประ” ไม้ป่าพื้นถิ่นยืนต้นขนาดใหญ่ พบมากในอุทยานแห่งชาติเขานัน อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เป็นอีก “ของดีประจำจังหวัด” โดยในทุกๆ ปีจะมีอยู่ 3 เดือน ที่สามารถเข้าไปเก็บลูกประออกมาขายเป็นอาชีพเสริมได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไปจากเศรษฐกิจเพื่อยังชีพเป็นเพื่อการค้าผู้คนที่เข้าไปเก็บลูกประจึงต้องวางกติการ่วมกันเพื่อให้ทรัพยากรอันมีค่านี้อยู่กับชุมชนต่อไปอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “สกู๊ปแนวหน้า” ติดตามคณะของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สกสว.) ไปเยี่ยมชม “โครงการต้นแบบวิจัยจากฐานทุนชุมชน : ป่าประเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต-เศรษฐกิจฐานราก อำเภอนบพิตำ จังหวันครศรีธรรมราช” โดยวิทยากร ผศ.ดร.สุรศักดิ์ แก้วอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวว่าวัตถุประสงค์หลักในการทำงานวิจัยชุดโครงการนี้ เพราะต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน


“เราใช้โจทย์เรื่องป่าประ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณอุทยานแห่งชาติเขานัน เป็นแนวทางในการวิจัยใน 2 ประเด็น คือ 1.การจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมและการสร้างคุณค่า มูลค่าป่าประ จำนวน 8 โครงการ และ 2.การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ใน อ.นบพิตำ จำนวน 3 โครงการ สนับสนุนโดยฝ่ายบูรณาการวิจัยและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ สกสว.” ผศ.ดร.สุรศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ ผศ.ดร.สมรักษ์ รอดเจริญ รอง ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มรภ.นครศรีธรรมราช เล่าว่า จากการเปิดเวทีนักวิจัยและเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เพื่อให้งานวิจัยที่ทำสามารถแก้ปัญหาชุมชนได้จริง พบว่า คนในชุมชนประสบปัญหาเกี่ยวกับกฎกติกาการอยู่ร่วมกันของป่าประในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขานัน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากป่าประที่ยังไม่เป็นรูปธรรมมากนัก เนื่องจาก อ.นบพิตำ มีป่าประผืนใหญ่กว่า 5,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นป่าที่เก่าแก่และชาวบ้านตั้งชุมชนอยู่ร่วมกับป่ามาก่อนจะมีการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเขานัน

โดยเมล็ดประเป็นของป่าที่มีผลผลิตอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ของทุกปี ในช่วงดังกล่าวชาวบ้านในพื้นที่นิยมเข้าไปเก็บมาบริโภคและแปรรูปเพื่อเป็นรายได้เสริมในครัวเรือน ซึ่งตรงกับกรอบวิจัยหลักของ มรภ.นครศรีธรรมราช ในเรื่องการจัดการทรัพยากรและพัฒนานวัตกรรมแบบมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน

“โจทย์หลักที่ชาวบ้านอยากให้เข้าไปพัฒนามากที่สุดคือป่าประซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ แม้ว่าจะมีการตั้งกฎกติกาชุมชนขึ้นมาแต่ยังรับรู้ในวงจำกัดแค่คนในหมู่บ้านเท่านั้น นอกนั้นยังไม่มีมาตรการจัดการที่เป็นรูปธรรมเนื่องจากมีการใช้ประโยชน์กันหลายหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงอยากให้มหาวิทยาลัยเข้าไปร่วมสร้างกฎกติกาให้เป็นรูปธรรม” ผศ.ดร.สมรักษ์ ระบุ

จากงานวิจัยเพื่อหาความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรจากป่า “การเพิ่มมูลค่า” ก็เป็นอีกด้านที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดย ผศ.ดร.วันดี แก้วสุวรรณ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มรภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ทำงานวิจัยร่วมกับ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานกรุงชิง 3 และ กลุ่มวิสาหกิจบ่อน้ำร้อน ผลิตผลิตภัณฑ์ประทอด ส่วนผลิตภัณฑ์ประดองทำงานร่วมกับกลุ่มสตรีพัฒนาบ้านห้วยแห้ง

ปัญหาที่พบจากการเก็บข้อมูล 1.กระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน เช่น ประมีรสขมเนื่องจากการคงเหลือของสารประกอบไซยาไนด์ หรือผลิตภัณฑ์ประทอดเก็บได้ไม่นานพบการเหม็นหืน ซึ่งทีมวิจัยได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องหลักโภชนาการและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน เช่น การทำ “ประทอด” ต้องควบคุมกระบวนการผลิตตั้งแต่คัดแยกเมล็ดเสีย ลวกเมล็ดเพื่อนำเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออก ควบคุมการลวกและการทอด คัดแยกชิ้นเสียออกจากกระบวนการผลิต และแยกการทอดเพื่อให้สุกสม่ำเสมอ อีกทั้งให้ความรู้เรื่องหลักโภชนาการด้วย

กับ 2.บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ยังไม่โดนใจผู้บริโภค เช่น ที่ผ่านมาทำกันแบบชาวบ้านๆ อย่างการทำ “ประดอง” พบว่า ผู้ผลิตจะใช้มือหยิบใส่ถุงมัดหนังยางขาย จึงแนะนำว่า หากทำบรรจุภัณฑ์มียี่ห้อ-ตราสัญลักษณ์สินค้าให้ออกมาสวยงาม จะสามารถส่งขายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือวางในร้านค้าที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดจะทำให้สามารถขยายตลาดและฐานกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดย ผศ.ดร.จุรีภรณ์ นวนมุสิก อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มรภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ผลการศึกษาข้อมูลทางโภชนาการเบื้องต้น เมล็ดประมีองค์ประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในปริมาณที่สูงและมีความหลากหลายของชนิดของกรดไขมันอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ในปริมาณสูง

จึงสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือกเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป เช่น นมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง เป็นต้น “นมประ” จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่คิดค้นขึ้น โดยศึกษาถึงคุณสมบัติของไขมันที่ดีต่อสุขภาพในเมล็ดประ และเปรียบเทียบกับกรดไขมันในนมอัลมอนด์ที่วางขายทั่วไป โดยแปรรูปเมล็ดประให้เป็นนมประ ส่วนกากที่ได้จากการคั้นนมประยังสามารถนำไปทำเป็นคุกกี้ประได้ด้วย อย่างไรก็ตาม นมประกำลังอยู่ในช่วงการวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถยืนยันคุณค่าทางโภชนาการที่ชัดเจนขึ้น

“ในอนาคตหากมีผลวิจัยด้านโภชนาการแล้วจะพัฒนาเป็นนมประรสชาติอื่นๆ เช่น สูตรชาเชียว สูตรช็อกโกแลต สูตรงาดำ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย นอกจากการแปรรูปในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้เมล็ดประแล้ว การส่งเสริมการตลาดเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง สร้างเครือข่ายให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการตลาดใหม่เพิ่มขึ้น” ผศ.ดร.จุรีภรณ์กล่าวในท้ายที่สุด

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’ สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย
  • สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’ สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง
  • สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  •  

Breaking News

ศาลฎีกาสั่งคุกตลอดชีวิต! มือวางระเบิดใกล้ศาลทวดสะบ้าย้อย ปี63

โดนแน่! 'ทรัมป์'ขู่ฟาดภาษีอีก10%ชาติที่เข้าร่วม'กลุ่มบริกส์' พันธมิตรอย่าหวังจะรอด

ด่วน! ไฟไหม้โรงงานในเมืองสมุทรสาคร จนท.ระดมรถดับเพลิงฉีดสกัดวุ่น

อัศวินนักฝัน!‘สมชัย’ชำแหละ 7 เงื่อนไข‘ปชน.’ ดูดี แต่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved