ยามนี้ กระแสลมหนาวพัดเข้าสู่พื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ อย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น อุณหภูมิพื้นราบอยู่ที่ 18-19 องศาเซลเซียส ส่วนยอดเขาอยู่ที่ 9 -10 องศาฯ จึงเป็นที่ถูกใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัมผัสลมหนาวและท้าลมหนาวยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นสักเพียงไร ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับแม่ค้าขายข้าวจี่ แต่อย่างใด ซึ่งยังคงตั้งหน้าตั้งตาปั้นข้าวจี่ขายให้กับลูกค้า แฟนพันธุ์แท้ที่ชอบทานข้าวจี่ ช่วงหน้าหนาวทุกวัน ซึ่งลูกค้าจะได้ผิงไฟเตาปิ้งข้าวจี่ไปด้วยเพื่อคลายหนาวและต่างก็ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ส่งผลให้ขายดีกำไรงามเงินเข้ากระเป๋าตุงเลยทีเดียว
นางกัลยา อยู่หิรัญ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270 หมู่ที่ 12 ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่ยอดนิยม บอกว่า ข้าวจี่จะมีให้รับประทานเฉพาะฤดูหนาว ช่วงอากาศหนาวเย็นเท่านั้นเนื่องจากขนมข้าวจี่จะต้องย่างหรือปิ้งที่เตาไฟตลอดเวลา จึงมีผู้ขายและผู้ชื้อ ยืนล้อมวงช่วยกันปิ้งข้าวจี่พลิกไปมา พร้อมพูดคุยกัน บางคนก็จะยืนกินไปด้วย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น โดยเฉพาะการนำข้าวใหม่มาทำเป็นข้าวจี่จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ จึงที่นิยมมาก ซึ่งข้าวจี่ที่ จ.อำนาจเจริญ มี 2 แบบคือ ข้าวจี่โบราณและข้าวจี่สมัยใหม่ ประยุกต์มาจากข้าวจี่โบราณ ซึ่งมีรสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก จึงมีผู้คนหาซื้อข้าวจี่ทานแทนข้าวกันมาก ทำให้ร้านขายขนมประเภทต่างๆจะต้องทำข้าวจี่ขายควบคู่กันไปด้วย เพราะช่วงนี้ข้าวจี่มาแรงขายดีมาก
นางกัลยา อยู่หิรัญ อายุ 65 ปี แม่ค้าข้าวจี่โบราณเล่าถึงที่มาของการทำข้าวจี่โบราณว่า สมัยเด็กๆ เมื่อถึงฤดูหนาว อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น พ่อ แม่ ก็จะก่อไฟผิงที่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างนั่งผิงไฟ ก็จะมีการปั้นข้าวเหนียวลักษณะกลมๆเท่าไข่ไก่ หรือไม่ก็ใหญ่กว่าไข่ไก่แล้วทาเกลือ นำมาปิ้งที่กองไฟ ปิ้งข้าวจี่พลิกไปมาจนมีสีเหลือง พ่อ แม่ ก็จะแบ่งให้กิน ด้วยรสชาติหอมมันเค็มนิดๆ กินจนอิ่มท้อง โดยไม่ต้องกินอาหารอะไรเลย จึงเป็นการเรียนรู้การทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ มาตั้งแต่เด็ก
ต่อมาเมื่อแต่งงาน มีครอบครัว และพ่อแม่ เสียชีวิตทั้งหมด จึงได้นำเอาความรู้จากการทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ ทำไปจำหน่ายยังตลอดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ในช่วงหน้าหนาวทุกปี โดยเฉพาะช่วงนี้ อากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง ข้าวจี่โบราณขายดีมาก จากที่เคยทำขายใช้ข้าวเหนียว วันละ 10 กิโลกรัม เพราะมีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้ข้าวเหนียวเพิ่มเป็นวันละ 20-30 กิโลกรัม สร้างรายได้เป็นอย่างดี
สำหรับวิธีทำข้าวจี่โบราณ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เริ่มแรก ให้แช่(หม่า)ข้าวเหนียวจนได้ที่แล้วนำไปนึ่งให้สุก ต่อมานำข้าวเหนียวสุกมาปั้นเท่าฝ่ามือโรยด้วยเกลือ แล้วเอาไปวางที่เหล็กปิ้งบนเตาไฟ พลิกไปมา จนข้าวเหนียวออกสีเหลืองอมส้ม ก็สามารถรับประทานได้ จำหน่ายก้อนละ 10 บาท ซึ่งที่นี่จะแถมแจ่วให้ 1 ถุงเล็ก เพื่อจิ้มกับข้าวเหนียว เรียกว่า ข้าวจี่โบราณ ที่มีรสชาติอร่อยแซ่บถึงใจ นอกจากนี้ยังขายปิ้งเนื้อ ปิ้งตับไก่ ปิ้งหมู ควบคู่กันด้วย
นางกัลยา อยู่หิรัญ กล่าวว่า ด้วยอายุมากแล้ว จึงให้สะใภ้ สืบทอด การขาย ข้าวจี่โบราณและอาหารอีสานหลายอย่างแทน ซึ่งตนก็มาช่วยขายเป็นบางเวลาเท่านั้น
นางเพ็ญนภา เกษดี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ที่ 6 ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่สมัยใหม่ บอกว่า ถ้าถึงฤดูหนาว ก็จะปั้นข้าวจี่สมัยใหม่ขาย เพราะลูกค้ากำลังนิยมรับประทานมาก ซึ่งขายก้อนละ 10 บาท
สำหรับวิธีทำข้าวจี่สมัยใหม่ หรือข้าวจี่ประยุกต์เริ่มแรกให้เอาข้าวเหนียวที่นึ่งจนสุกแล้ว ไปคลุกเคล้ากับกะทิมะพร้าว เรียกว่าข้าวเหนียวมูล ต่อมานำไข่ไก่ ตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาลงไปตีไข่ให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำข้าวเหนียวมูลปั้นเป็นก้อนเท่าลูกไข่ไก่แล้วชุบกับไข่ไก่ทาให้ทั่ว ต่อมานำไปปิ้งที่เหล็กปิ้งบนเตาถ่าน พริกไปมาจนข้าวเหนียวมูลมีสีเหลืออมส้มก็เป็นอันแล้วเสร็จ ด้วยรสชาติหอม อร่อย ทานแล้วร่างกายอบอุ่น คลายหนาวได้ระดับหนึ่ง จึงมีลูกค้านิยมทานกันมากในช่วงนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี