‘ฝังเข็ม’…อีกหนึ่งทางเลือกของการรักษา เป็นมากกว่าวิธีแก้ปวด
แม้ว่าการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มจะเป็นที่รู้จักมานาน แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่า ศาสตร์การฝังเข็มคืออะไร และรักษาโรคหรืออาการได้อย่างไร
นายแพทย์จีนธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ แพทย์ประจำคลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ (โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด) จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาด้วยการฝังเข็ม
# ฝังเข็มคืออะไร ทำไมต้องฝังเข็ม
ฝังเข็มเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งของการแพทย์แผนจีน ที่ปัจจุบันมีการเรียนการสอนในประเทศไทย โดยหลักสูตรการเรียนการสอนได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ผู้ทำการรักษาจะมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะเหมือนแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งการที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการรักษาโดยวิธีฝังเข็มนั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้หรือไม่
การรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม สามารถทำได้ในทุกช่วงอายุ ที่ผ่านมาเคยมีการรักษาด้วยวิธีการฝังเข็มในเด็กเพื่อช่วยในเรื่องของพัฒนาการและรักษาอาการปวดต่างๆ แต่เด็กที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ จะต้องสามารถทนอยู่นิ่งๆ ตลอดเวลา 20-30 นาทีของการฝังเข็มได้ และผู้ปกครองควรรับทราบและยินยอมให้มีการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวด้วย
# อาการแบบไหนบ้างที่รักษาได้ด้วยการฝังเข็ม
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาตามอาการเจ็บป่วยและเงื่อนไขของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน อาการที่นิยมรักษาด้วยการฝังเข็ม จะเป็นอาการปวดเมื่อยต่างๆ ปวดหลัง ปวดขา ปวดศีรษะ ปวดเข่า ออฟฟิศซินโดรม บาดเจ็บจากขาพลิก ขาแพลง เป็นตะคริว เคล็ดขัดยอกที่เกิดจากการออกกำลังกาย นอนไม่หลับเพราะความเครียด วิตกกังวล โรคภูมิแพ้ นิ้วล๊อคในระยะเริ่มต้น อัมพฤตอัมพาตในระยะเริ่มต้น การฝังเข็มจะช่วยฟื้นฟูกระตุ้นให้ระบบต่างๆ กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยรักษาควบคู่ไปกับการทำกายภาพบำบัด เพื่อกระตุ้นให้ระบบร่างกายกลับมาทำงานตามปกติได้ไวขึ้น ทำให้มีการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และยังมีบางคนที่ฝังเข็มเพื่อลดความอ้วน เพื่อปรับสมดุลร่างกาย ควบคู่ไปกับการคุมอาหารและการออกกำลังกาย
นอกจากอาการและโรคต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น การฝังเข็มยังใช้สำหรับการเสริมความงามได้ด้วย มีการฝังเข็มเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดลมมาเลี้ยงบริเวณใบหน้าได้ดีขึ้น ลดฝ้ากระ ริ้วรอย ทำให้ใบหน้าผ่องใส
# ฝังเข็มเจ็บไหม ถ้ากลัวเข็มมีวิธีรักษาแบบอื่นหรือไม่
เข็มที่ใช้ฝังจะมีลักษณะคล้ายเข็มเย็บผ้า แต่มีขนาดที่บางกว่า เป็นเข็มที่ออกแบบมาเพื่อการฝังเข็มโดยเฉพาะ เวลาปักเข็มจะใช้ความเร็วและทักษะของหมอแต่ละคน และจะใช้มือกระตุ้นด้วยการดึงเข็มขึ้นลง ซึ่งจะเจ็บมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ แต่น้อยกว่าการฉีดยาอย่างแน่นอน ปัจจุบันยังมีการนำเครื่องกระตุ้นไฟฟ้ามาช่วย ทำให้การกระตุ้นทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่การจะใช้เครื่องกระตุ้นหรือไม่นั้น แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินอาการ เพราะบางอาการอาจจะไม่เหมาะที่จะใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ทั้งนี้ เพื่อให้การรักษาโดยวิธีการฝังเข็มได้ผล ควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะห่างของการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์ สำหรับใครที่กลัวเข็มแต่ต้องการรักษาตามแผนจีน สามารถเลือกการรักษารูปแบบอื่นได้ เช่น การครอบโคม เป็นต้น
# เตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการฝังเข็ม
สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้ารับการรักษา 1-2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเป็นลมสำหรับคนที่มีอาการกลัวเข็ม ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่บีบรัด เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวกช่วงที่มีการฝังเข็ม สำหรับผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือด จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบล่วงหน้าด้วย
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาด้วยการฝังเข็ม หรือคำถามด้านสุขภาพอื่นๆ สามารถขอรับคำ ปรึกษาได้จากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 และ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร จังหวัดพิจิตร และโรงพยาบาลศิริเวชลำพูน จังหวัดลำพูน และยังสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่เฟซบุ๊ก: Principal Healthcare Company
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี