วันเสาร์ ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'อัญเชิญพระอุปคุต' เปิดงานนมัสการพระธาตุพนม ยิ่งใหญ่สุดเข้มขลัง

'อัญเชิญพระอุปคุต' เปิดงานนมัสการพระธาตุพนม ยิ่งใหญ่สุดเข้มขลัง

วันเสาร์ ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 12.15 น.
Tag : ท่องเที่ยว นมัสการพระธาตุพนม พระอุปคุต พลังศรัทธา
  •  

จังหวัดนครพนมร่วมกับวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม พร้อมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กำหนดจัดงาน "นมัสการพระธาตุพนม" ซึ่งเป็นกิจกรรมจัดเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ 2563 งานนมัสการองค์พระธาตุพนม ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ-แรม 1 ค่ำ เดือน 3(1-9 กุมภาพันธ์) รวม 9 วัน 9 คืน

ด้วยพระธาตุพนมเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคธาตุ(กระดูกหน้าอกด้านซ้าย)ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระธาตุประจำของผู้เกิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำผู้เกิดวันอาทิตย์  งานนมัสการพระธาตุพนม ชาวพุทธยึดเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่ครั้งโบราณกาล อีกทั้งยังให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ ความสง่างามขององค์พระธาตุพนม และเตรียมรองรับสู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


 

 

โดยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นวันเริ่มงานมีพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง ในเวลา 07.30 น. พร้อมขบวนแห่เครื่องสักการะของข้าโอกาสพระธาตุพนม ที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง ตระการตาด้วยการรำบูชาพระธาตุพนม จาก 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ พร้อมทั้งการแห่กองบุญของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว สองฟากฝั่งแม่น้ำโขง มีขบวนยาวเป็นกิโล

พิธีอัญเชิญพระอุปคุต ประกอบพิธีกันที่ริมแม่น้ำโขง บริเวณท่าเทียบเรือข้ามฟากไทย-ลาว เนรมิตว่าตรงริมแม่น้ำโขงแห่งนี้เป็นบาดาลลึก มีพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยผู้ลงไปอัญเชิญพระอุปคุต มีทั้งนายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนนายอำเภอ หรือหัวหน้าส่วนราชการรวม 5 นาย  มุดน้ำลงไป 3 ครั้ง ก่อนจะอุ้มพระอุปคุตจากใต้น้ำมาส่งให้นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส ที่รอรับอยู่ริมท่า แล้วอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นเสลี่ยง สาธุชนผู้เสื่อมใสนับแสนคน ที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างโปรยดอกไม้หอม ดอกไม้มงคลใส่องค์พระอุปคุตตลอดเส้นทาง โดยมีขบวนนางรำอยู่เบื้องหน้า แห่ขึ้นไปประดิษฐานยังวิหารหอพระแก้ว บริเวณมณฑลวัดพระธาตุพนมฯ เพื่อคุ้มครองปกปักรักษา ไม่ให้เกิดขึ้นภยันตรายตลอดงาน 9 วัน 9 คืน ซึ่งยึดถือปฏิบัติมายาวนานหลายร้อยปี เพราะเชื่อว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มาก

 

   

พระอุปคุต มีชื่อเต็มว่าพระกีสนาคอุปคุตมหาเถระ เป็นบุตรของเศรษฐีเมืองมถุรา ริมฝั่งแม่น้ำยมนา (เกิดหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพานแล้ว 200 ปี) หลังออกบวช ได้บำเพ็ญธรรมตามรอยพระพุทธองค์ จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วไปจำศีลบำเพ็ญธรรมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล

ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ก่อสร้างพระสถูปมหาเจดีย์ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 84,000 องค์ พร้อมจะฉลองสมโภชเป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน  เกรงพญามารจะขัดขวางทำลายไม่ให้พระราชพิธีสมโภชนั้นดำเนินไปด้วยดี จึงปรึกษาคณะสงฆ์ มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า พระอุปคุตจำศีลอยู่ที่สะดือทะเล เป็นอรหันต์มีฤทธานุภาพมาก สามารถป้องกันโพยภัยได้ดีที่สุด พระเจ้าอโศกฯ จึงแต่งตั้งพระภิกษุ 2 รูป ซึ่งเป็นผู้ทรงอภิญญาสมาบัติเดินทางไปอาราธนา ด้วยการระเบิดน้ำเป็นทางเดินไปพบพระอุปคุต จากนั้นพระอุปคุตก็รับนิมนต์จึงเดินทางมายังนครปาตลีบุตราชธานี ครั้นพระเจ้าอโศกฯทอดพระเนตรเห็นพระอุปคุตแล้วรู้สึกหนักใจ เพราะร่างกายผอมแห้งเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง จึงใคร่ลองทดสอบสมรรถภาพ

 

 

รุ่งเช้าขณะที่พระอุปคุตเดินบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์ พระเจ้าอโศกฯทรงมีพระราชบัญชาให้ปล่อยช้างตกมันไล่เหยียบ พระอุปคุตเห็นช้างวิ่งไล่หลัง จึงเข้าญาณสมาบัติ อธิษฐานจิตให้ช้างเชือกนั้นมีสภาพแข็งดั่งหินผา ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ พระเจ้าอโศกฯเห็นเช่นนั้น เกิดความเคารพนับถือพระมหาเถระอุปคุตเป็นอันมาก จึงทรงขอขมาและทรงพอพระทัยยิ่งนัก
ครั้นได้มงคลฤกษ์จึงเริ่มบุญพิธีสมโภชพระมหาเจดีย์ตามพระราชประสงค์ ครั้งพญามารรู้ข่าวจึงคิดจะหยุดงานสมโภช ตำนานกล่าวว่า พญามาร หรือ พญาวัสวดีมาราธิราช ซึ่งเป็นตนเดียวกับที่ขัดขวางพระพุทธองค์ครั้งบำเพ็ญเพียรก่อนที่จะตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ คิดจะทำลายพิธีนั้น จึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้บังเกิดมหาวาตพายุอย่างร้ายแรง มีกำลังพัดมาประหนึ่งจะถล่มแผ่นดินให้ทลาย พระอุปคุตเถระเห็นอากาศวิปริตอย่างนั้นทราบชัดด้วยญาณอันประเสริฐของท่าน ว่า บัดนี้พญามารมาทำลายแล้ว ด้วยการบันดาลให้เกิดลมพายุขนาดมหึมา ราวจะถล่มพสุธาให้บรรลัยในพริบตา พระอุปคุตเห็นก็แก้ไขสถานการณ์สำเร็จ แต่พญามารยัง เนรมิตทั้งลมกรด ลมไฟบรรลัยกัลป์ หวังให้พิธีล่มสลาย แต่พระอุปคุตสามารถป้องกันเพทภัยได้หมด

กระทั่งพญามารปรากฎร่างเป็นยักษ์ หมายบดขยี้พระอุปคุตให้แหลกคามือ พระเถระเห็นว่าพญามารตนนี้มีใจบาปหยาบช้าสามานย์ มุ่งทำลายบุญกุศลต่างๆในบวรพระพุทธศาสนา จึงบริกรรมคาถาเสกสุนัขเน่าเหม็น ลอยไปแขวนคอพญามารพร้อมอธิษฐานไม่ให้ผู้ใดถอดออกได้

 

 

 

พญามารต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับพวงมาลัยหมาเน่า จึงไปขอความช่วยเหลือต่อท้าวโลกบาลทั้ง 4  ท้าวจตุมหาราชก็จนปัญญาเพราะแก้คำอธิษฐานของพระอุปคุตไม่ได้ พญามารไม่ละความพยายามไปหาเหล่าเทวดาอีกหลายท่านไปจนถึงท้าวมหาพรหม ก็ได้รับคำแนะนำว่าหนทางเดียวที่ทำได้ คือต้องไปขอขมาต่อพระอุปคุตเถระเท่านั้น

จอมมารรำพึงรำพันว่า พระรูปนี้เป็นเพียงสาวกของพระพุทธองค์ ยังมีฤทธิ์เดชขนาดนี้ จึงเกิดสำนึกในบาปที่ตนกระทำ แล้วอธิษฐานขอเป็นพระพุทธองค์ในอนาคตกาล ด้วยจิตอันแก่กล้าพระอุปคุตสดับรับฟังคำสำนึกบาปของพญามารได้ จึงกล่าวว่าท่านอย่าโกรธเราเลย เราทำด้วยด้วยปราณี จากนั้นก็คลายพันธนาการพวงมาลัยหมาเน่าออกจากคอของพญาวัสวดีมาลาธิราช

 

 

ซึ่งเรื่องราวของพระอุปคุตเถระที่เล่ามา มีปรากฏอยู่ในพระปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ดังนั้น การจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง ด้วยเหตุคือองค์พระธาตุพนม ซึ่งเป็นมหาเจดีย์บรรจุพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น 1 ใน 84,000 พระสถูปมหาเจดีย์ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั่นเอง

นอกจากนี้งานนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งตรงกับเดือน 3 ของทุกปี ชาวอีสานจึงเรียกกันว่าบุญเดือนสาม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือบุญข้าวจี่ มีอยู่ในฮีต 12 (จารีตของคนโบราณอีสาน) หรือประเพณี 12 เดือน มีปรากฏในหนังสือธรรมบทว่า ในสมัยหนึ่งนางปุณณทาสีได้ทำขนมแป้งจี่(ข้าวจี่) ที่ทำจากรำข้าวอย่างละเอียดถวายแด่พระพุทธเจ้าและพระอานนท์ นางคิดว่าเมื่อพระพุทธองค์กับพระอานนท์รับแล้วคงไม่ฉัน เพราะอาหารที่เราถวายไม่ใช่อาหารที่ดีหรือประณีตอะไร คงจะโยนให้หมู่กาและสุนัขกินเสียกลางทาง พระพุทธเจ้าทรงทราบวาระจิตของนาง และเข้าใจในเรื่องที่นางปุณณทาสีคิด จึงได้สั่งให้พระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก ได้ปูลาดอาสนะลงแล้วประทับนั่งฉันขนมแป้งจี่ของนาง ณ ที่นั้น พอนางได้เห็นก็เกิดความปิติอย่างสุดกำลัง และในตอนท้ายหลังการทำภัตตกิจด้วยขนมแป้งจี่เรียบร้อยแล้ว พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมให้ฟัง จนกระทั่งนางปุณณทาสีได้บรรลุโสดาบันเป็นอริยอุบาสิกาเพราะมีข้าวจี่เป็นมูลเหตุ ด้วยความเชื่อแบบนี้คนอีสานโบราณจึงได้จัดแต่งให้บุญข้าวจี่ทุกๆปีไม่ได้ขาด

 

 

ตลอดงานนมัสการพระธาตุพนม 9 วัน 9 คืน จะมีการแสดงสินค้าโอทอป การแสดงหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี นิทรรศการหมู่บ้านรักษาศีล 5 การฟังพระธรรมเทศนาที่ลานหน้าวัดและเวียนเทียนทุกคืน การทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และการแสดงมหรสพสมโภชทั้งกลางวัน กลางคืน ตลอด 9 วันเต็ม โดยเฉพาะวันที่ 8 กุมภาพันธ์ (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) จะเป็นวันพระใหญ่คือ “วันมาฆบูชา” ที่ได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ เนื่องจากเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น 

กล่าวคือ พระโคตมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา ซึ่งในคัมภีร์ปปัญจสูทนีระบุว่า ครั้งนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระภิกษุ 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย พระภิกษุทั้งหมดนั้นเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง พระภิกษุทั้งหมดนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4

ซึ่งในวันมาฆบูชาที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จะมีพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและลาว ประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม ตามความเชื่อของชาวอีสานว่าหากใครได้มีโอกาสมาเวียนเทียนในวันสำคัญต่างๆ รอบองค์พระธาตุพนม หรือมากราบไหว้บูชา ถือเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ จะทำให้มีความเจริญก้าวหน้า และอยู่เย็นเป็นสุข
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • อช.เขาพระวิหาร ประกาศปิดท่องเที่ยว \'ผามออีแดง\' ชั่วคราว อช.เขาพระวิหาร ประกาศปิดท่องเที่ยว 'ผามออีแดง' ชั่วคราว
  • ผู้อำนวยการ ททท.ตราดคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวหยุด 4 วัน 241.90 ล้าน ผู้อำนวยการ ททท.ตราดคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวหยุด 4 วัน 241.90 ล้าน
  • เปิดแล้ว!เทศกาลถ้ำนาคา มหัศจรรย์ภูลังกา บูชาพระสารีริกธาตุ ต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่บึงกาฬ เปิดแล้ว!เทศกาลถ้ำนาคา มหัศจรรย์ภูลังกา บูชาพระสารีริกธาตุ ต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่บึงกาฬ
  • บีโกเนียบานแล้ว! ภูหินร่องกล้าชวนสัมผัสความงามดอกไม้ป่าหน้าฝน ชุ่มฉ่ำท่ามกลางไอหมอก บีโกเนียบานแล้ว! ภูหินร่องกล้าชวนสัมผัสความงามดอกไม้ป่าหน้าฝน ชุ่มฉ่ำท่ามกลางไอหมอก
  • เปิด 5 อันดับ ‘จังหวัดใต้’โกยรายได้มากสุดช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.68 เปิด 5 อันดับ ‘จังหวัดใต้’โกยรายได้มากสุดช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.68
  • \'บึงกาฬ\'เปิดเทศกาลประติมากรรม\'วิถีคล้า วิถีคน\'ชูกิจกรรม\'มหัศจรรย์ศิลป์คล้า เล่าขานตำนานพญานาค\' 'บึงกาฬ'เปิดเทศกาลประติมากรรม'วิถีคล้า วิถีคน'ชูกิจกรรม'มหัศจรรย์ศิลป์คล้า เล่าขานตำนานพญานาค'
  •  

Breaking News

'ดิเรกฤทธิ์'ชวนจับตา 4 คดีสำคัญนายกฯไม่ลาออก รัฐบาลก็ไปไม่รอด

นายกฯแบ่งงานใหม่ ‘บิ๊กอ้วน’ ดู ‘มหาดไทย’ ไม่พบ‘พีระพันธุ์’กำกับดูแลส่วนไหน

ศบ.ทก.เปิด 5 กลยุทธ์ส่งเสริมตลาด-รณรงค์บริโภคผลไม้ไทย

เปิดปกติ! 'ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม'หลังเหตุวุ่นวายชนชาติกำปูเจียทำกิจกรรมยั่วยุ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved