28 เมษายน 2563 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร นายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี นายเจษฏา จำเริญนุสิทธิ์ กำนัน ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร นายสมศักดิ์ คงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.เขาค่าย และตัวแทนชาวสวนทุเรียน 3 ราย ร้องเรียนต่อ นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ส่งเรื่องไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณี ชาว ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร เข้าไปสวนทุเรียนในเขต ต.ในวงเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนองได้ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มีคำสั่งห้ามเข้าออกจังหวัดระนอง อย่างเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นชาว จ.ระนอง ที่อยู่นอกพื้นที่ จ.ระนอง หรือใครก็ตาม อ้างว่าเป็นมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา เพื่อให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
นายเจษฎา กล่าวว่า เนื่องจากชาวสวนทุเรียน ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร และชาวสวนทุเรียน ต.ในวง อ.ละอุ่น จ.ระนอง ที่มีรอยต่อติดต่อกัน2 จังหวัด และต่างฝ่ายต่างมีสวนทุเรียนในแต่ละพื้นที่เหมือนกัน แต่ไม่สามารถเข้าไปทำสวนทุเรียนได้ ทั้งที่บางรายห่างจากรอยต่อจังหวัดเพียง 50 เมตร บางรายยังมี สามี ลูก อยู่บ้านที่ในสวนทุเรียน จ.ระนอง แต่ไม่สามารถเดินไปมาหาสู่กันได้ บางราย ช้างป่าลงมาทำลายพืชสวนแต่ไม่สามารถเข้าไปป้องกันช้างได้
“ชาวสวนทุเรียนหลายร้อยราย มีสวนทุเรียนร่วม 3 พันไร่ ได้อดทนปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ด้วยความเข้าใจ มาตลอด 1เดือน ที่กำลังจะผ่านไป ทั้งที่เป็นห่วงสวนทุเรียนที่กำลังออกลูกออกผล และไหนจะภัยแล้งอีกต้องหาน้ำรดแทบทุกวัน ทั้งนี้ ได้ติดต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กลับได้คำตอบว่า “ไม่ว่างคุย ไม่มีเวลาจะคุยด้วย” สร้างความเจ็บปวด ความเดือดร้อนแก่ชาวสวนทุเรียนอย่างหนัก เพราะทุเรียนหมอนทองกำลังจะออกสู่ตลาดจะทำให้เกิดรายได้แก่ครอบครัว และเป็นความหวังของชาวสวน บางรายลงทุนเป็นเงินหลักแสนหลักล้าน ไปกู้เงินมาลงทุน เมื่อห้ามไม่ให้เข้าไปทำสวนทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก รวมมูลค่าทุเรียนหมอนทอง ปีละ 300 ล้านบาท” นายเจษฎา กล่าว
นายวิบูลย์ รัตนภรณ์วงศษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จะรีบส่งหนังสือไปยังปลัดประทรวงมหาดไทยในวันนี้ เพื่อให้สั่งการแก้ไข เนื่องจากพื้นที่ อยู่ในผิดชอบ ของ จ.ระนอง เมื่อพูดคุยระหว่างจังหวัดแล้วไม่ยินยอม ก็ต้องผ่านไปยัง กระทรวงมหาดไทย จังหวัดชุมพรไม่สามารถสั่งการได้ แต่จะรีบส่งเรื่องไปให้ด่วนที่สุด” ก่อนจะมอบหนังสือให้ศูนย์ดำรงธรรม รีบนำไปดำเนินการทันที
นางอมร สันหลี อายุ 57 ปี กล่าวว่า มีสวนทุเรียนสามสิบไร่ ไม่ได้ไปดูแลมาเดือนกว่าแล้ว คงจะเสียหายหมดแล้ว สามสิบไร่ จะเสียหายประมาณ 3ล้าน ยิ่งได้ข่าวว่ามีช้างลงมาเหยียบด้วย และเป็นหนี้หลักล้านบาท อยากจะขอเข้าไปทำสวนวันละ 5-6ชม เท่านั้น และจะปฏิบัติตามกฎทุกอย่าง ถ้าฝ่าฝืนให้ประหารชีวิตได้เลย” นางน้อย นาคพันธ์ อายุ 56 ปี บอกว่ามีทั้งสวนยาง ทุเรียน ปาล์ม 40 ไร่ ปีหนึ่งๆ มีรายได้3ล้านบาท สวนตั้งหมู่ที่ 2 ต.ในวง อ.ละอุ่น จ.ระนอง เดือดร้อนจากการปิดด่านมา 1 เดือน ฝนก็ไม่ตก ยาก็ ไม่ได้ฉีด จะเข้าไปกรีดยางก็ ไม่ได้ ทุเรียนหมอนทองลูกหนึ่งใหญ่ร่วม 1 กก พอฝนตก ก็ไม่ได้เข้าไปโยง กระทั่ง พืชผักสวนครัวจะเอามากินก็ ไม่ได้ ทำให้เดือดร้อนหนัก ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดทางให้ด้วยจะได้มีรายได้ ไม่สร้างภาระแก่รัฐบาลขณะนี้ มะนาวลูกเดียวก็เข้าไปเอาไม่ได้
นายสุพัด จอดนอก อายุ 50 ปี กล่าวว่า สวนทุเรียนทุเรียน5 ไร่ มีรายได้ปีละ 2-3แสนบาท ในขณะนี้นึกไม่ออกว่าสวนทุเรียนจะเป็นอย่างไร สวนตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ในวง อ.ละอุ่น จ.ระนอง ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปดูสวนเลย ในขณะที่ทุเรียนกำลังออกลูกโต ถ้าพลาดจากการทำสวนทุเรียนในปีนี้ ชีวิตทั้งครอบครัวคงพังพินาศหมด ถ้าได้เข้าไปชาวสวนไม่มีทางเข้าไปถึงเมืองระนองเพราะมันไกลมาก อีกทั้ง คน ระนองก็เดือดร้อนกับมาตรการเข้มงวดเกินไป ขอให้ผ่อนผันบ้าง
รายข่าวข่าวแจ้งว่า มีชาวบ้านจังหวัดระนองเป็นชาย 2 คน ที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นผ่านจังหวัดชุมพร เพื่อต้องการกลับบ้านที่ จ.ระนอง โดยผ่านจุดคัดกรองหน้าเทศบาล ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร แต่เมื่อถึงจุดคัดกรองในพื้นที่ ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ก็ไม่สามารถเข้าสู่ จ.ระนองได้ เพราะเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง ต.จปร. ไม่ยอมให้ผ่าน และขอให้กลับไปขอใบรับรองแพทย์ว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 มาแสดงก่อน ชาวจังหวัดระนองทั้งสองคนจึงกลับมาขอใบรับรองแพทย์ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองชุมพร แต่ปรากฏว่าหนึ่งในสองคนผลตรวจเป็นลบ ส่วนอีกคนผลตรวจเป็นบวก จังหวัดชุมพรจึงต้องให้หลักมนุษยธรรมนำตัวเข้ารักษาเพื่อเฝ้าดูอาการที่ห้องพิเศษ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทั้งที่ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ชุมพรไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมาเป็นวันที่ 5 แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี