วิกฤตการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา 2019 นี้สร้างผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของคนทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซ้ำร้ายพอเข้ามาถึงประเทศไทยยังถูกซ้ำเติมด้วยการโกงในรูปแบบต่างๆ ที่เราเห็นกันตามข่าว หรือ Social Media ทำให้ปัญหาต่างๆ ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หมอพยาบาลเสี่ยงติดเชื้อเพราะขาดชุดป้องกันและหน้ากากอนามัย เร่งความเร็วของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน เพราะถ้ามีคนโกงกักตุนอุปกรณ์ป้องกันวันนี้ พรุ่งนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจจะเพิ่มขึ้นเลยทันที และกระทบทุกคนอย่างไม่ไว้หน้าใคร เพราะเมื่อมีคนใช้อำนาจละเมิดคำสั่งห้ามจัดงานชุมนุมได้ ทุกคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้รับความเสี่ยงกันหมด
เมื่อการโกงไปเป็นตัวเร่งทำให้ปัญหาจากไวรัสร้ายทวีความรุนแรง เร่งความรวดเร็วของผลกระทบ และเพิ่มความเสี่ยงอย่างไม่ไว้หน้าใคร จึงทำให้คนไทยจำนวนมากไม่พอใจกับการโกงที่เกิดขึ้นในขณะนี้อย่างมาก บางคนที่เคยเฉยๆ กับการโกง ก็ลุกขึ้นมาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก แชร์ข่าวกักตุนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อมออกความเห็นกันอย่างถึงพริกถึงขิง และสำหรับหลายคนที่ร่วมงานต่อต้านการโกงอยู่แล้ว ก็ถูกกระตุ้นให้เร่งขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้เกิดผลจริงและเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ เมื่อเห็นแรงจูงใจของประชาชนที่พร้อมจะลุยแก้ปัญหาคอร์รัปชันเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้แล้ว จึงต้องขอเสนอแนะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคว้าโอกาสเอาไว้โดยเร็ว ด้วยข้อเสนอ 2 ปิด 3 เปิดเพื่อต้านโควิดและคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาดไปพร้อมๆ กันในวันนี้
ปิดแรกคือ เร่งปิดคดีโควิดที่คั่งค้าง ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ตั้งแต่ไวรัสโคโรนาเข้ามาโจมตีประเทศไทย ก็เริ่มมีกลุ่มคนโกงที่เห็นโอกาสแสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมชาติเข้ามาทุจริตด้วยวิธีต่างๆ นานา สร้างความเสียหาย เอาเปรียบประชาชนซ้ำเติมปัญหาในยามวิกฤติอย่างรุนแรง ประชาชนอย่างพวกเราจึงต้องร่วมกันทวงและกดดันให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสะสางปิดคดีทุจริตเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้คนอื่นคิดจะทำตามอีก
ประเด็นนี้ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้กรุณาเรียบเรียงคดีที่ต้องเร่งปิดไว้ใน facebook page ดังนี้ 1) กรณี “กักตุนหน้ากากอนามัย”
มีข้อหาและหน่วยงานที่มีหน้าที่ติดตามดำเนินคดี 2) กรณี “เรียกค่านายหน้าออกใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์” น้ำยา-ชุดตรวจไวรัส (PCR) 3) กรณี “จัดชกมวยขัดมติ ครม.” ทั้งที่สนามมวยรัฐและเอกชน และ 4) กรณี “แจกเงินมาตรการเยียวยา 5,000 บาท”ผู้เดือดร้อนจากโควิด แต่มีคนให้ข้อมูลหรือปล่อยข่าวเท็จ กรณีเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ต้องเร่งปิดคดีให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ไปเร่งติดตามสะสางกรณีอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอีก
ปิดที่สองคือ ปิดโอกาสการโกงต่อเนื่อง หลังจากที่สะสางปิดคดีทุจริตในช่วงนี้ได้แล้ว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแสดงความจริงใจกับการแก้ปัญหา ด้วยการลงโทษผู้ที่กระทำผิดอย่างเหมาะสม ไม่ใช่เหมือนที่มักเกิดขึ้นในอดีตที่เพียงมีคำสั่งย้ายผู้กระทำผิดไปพื้นที่อื่น หรือย้ายไปหน่วยงานอื่นสักพัก พอคนลืมเรื่องแล้วก็ย้ายกลับมาได้อีก เพราะคนโกงจะไปอยู่ที่ไหนก็จะไปแสวงหาโอกาสโกงได้อีก ไปสร้างปัญหาให้พื้นที่อื่น หน่วยงานอื่นต่อไปไม่หยุดหย่อน นอกจากนั้นคนอื่นก็จะไม่เกรงกลัวการถูกจับได้ว่าโกง เพราะเข้าใจไปว่าโทษที่อาจจะได้รับไม่รุนแรง
นอกจากต้องจัดการกับคนโกงอย่างจริงจังแล้ว การปิดโอกาสการโกงที่มีประสิทธิผล รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเรียนรู้กลโกงในช่วงนี้จากกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาสร้างกลไกการป้องกันปิดโอกาสการโกง ซึ่งเช่นเดียวกัน ประเด็นนี้ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ก็ได้กรุณาสรุปบทเรียนเบื้องต้นจากกรณีต่างๆ เช่น กรณีซื้อ Care set จานชาม สบู่ยาสีฟัน แจกคนชรา กรณีซื้อแอลกอฮอล์และเจลล้างมือในราคาที่แพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัว และกรณีซื้อเครื่องฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคราคาแพงกว่าตลาด 10 เท่า เพื่อให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปออกแบบกลไกป้องกันอย่างทันท่วงที ว่า ต้องจับตาดูเงินนอกงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำลังเร่งใช้เป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดช่องโหว่ในการทุจริตได้ง่ายจากที่กระทรวงการคลังผ่อนผันขั้นตอนและวิธีการจัดซื้อชั่วคราว และที่สำคัญงบประมาณส่วนนี้ยังไม่จำเป็นต้องถูกบันทึกลงในระบบทำให้ติดตามตรวจสอบได้ยาก
เมื่อรู้และเห็นช่องโหว่ขนาดใหญ่เช่นนี้แล้ว จะป้องกันอย่างไร เพื่อให้งบประมาณถูกใช้ได้อย่างรวดเร็ว คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อสังคมสูงสุด จึงนำมาสู่ส่วนต่อไปคือ 3 เปิด ได้แก่
เปิดที่หนึ่งคือ เปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลการจัดการและการใช้งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโควิด-19 นี้ให้มากที่สุด การเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใสนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ครั้งหนึ่งเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศว่าทำไมเกาหลีใต้ถึงประสบความสำเร็จในการควบคุมไวรัสได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเช่นนี้ คำตอบก็คือ “การใช้กลยุทธ์การเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใส”
คำถามต่อมาคือ เปิดแล้วเอาข้อมูลไปเก็บไว้ที่ไหน นับว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานของการจัดเก็บข้อมูลดีพอสมควรเลย ด้านภาครัฐก็มีฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง และ เว็ปไซต์ภาษีไปไหนของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) แล้ว ส่วนภาคประชาสังคม ACT ก็ได้พัฒนาฐานข้อมูล ACT Ai ไว้เก็บข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างทั้งประเทศ เพื่อเปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมติดตามและตรวจสอบได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วย
ที่สำคัญคือ เปิดข้อมูลแล้วได้อะไร คำตอบก็คือ ทำให้ผู้ใช้งบประมาณสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้ เพราะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ต่อให้ถูกตรวจสอบทีหลังก็ปลอดภัย แพทย์พยาบาลที่ต้องใช้อุปกรณ์จากการจัดซื้อนั้นก็สบายใจ เพราะตรวจสอบได้ว่าซื้อของได้คุณภาพจริงและได้ปริมาณมากพอตามงบประมาณ มากไปกว่านั้น หากมีประชาชนทั่วไปที่สนใจนำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์ พัฒนานวัตกรรมติดตามการใช้งบประมาณให้คุ้มค่า หรือฐานข้อมูลใหม่ๆ ก็ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แบบนี้เราก็จะมั่นใจได้ว่า เงินภาษีที่เราหวังให้รัฐบาลนำไปใช้แก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงโควิด-19 ถูกใช้อย่างคุ้มค่าและทันท่วงที
เปิดที่สองคือ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสอดส่องดูแลเงิน เปิดข้อสองนี้ต่อเนื่องจากเปิดแรก เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยให้ประชาชนทั่วไปค้นหาได้อย่างสะดวกแล้ว ประชาชนก็จะสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อเสนอแนะวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งความช่วยเหลือจากประชาชนเช่นนี้จำเป็นมากในยามที่กลไกการตรวจสอบของรัฐกำลังอ่อนแอ จากการที่เจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนไม่สามารถเข้ามาทำงานที่สำนักงานได้ หรือผู้บริหารระดับสูงของ ป.ป.ช. เองที่ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องกักตัวทั้งกรรมการและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก จนไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ยิ่งในช่วงนี้เราได้ยินชื่ออุปกรณ์จำเป็นใหม่ๆ ที่ไม่เคยต้องหาซื้อ เพราะไม่เคยคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก่อน เช่น เครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือชุดป้องกันทางการแพทย์ ทำให้ไม่เคยรู้ว่าราคาปกติควรจะเป็นเท่าไหร่ หรือ ควรซื้อจากที่ไหนถึงได้คุณภาพที่ดี เปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตได้ง่าย ทำให้ที่ผ่านมาเราได้เห็นกรณีที่มีหน่วยงานรัฐบางแห่งไปซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่าตัว หากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนจำนวนมากเข้ามาช่วยตรวจสอบอย่างเต็มที่ ก็จะเป็นการลดการโกงได้มาก เห็นได้จากตัวอย่างที่กลุ่มหมาเฝ้าบ้านและเพจต้องแฉนำข้อมูลการจัดซื้อสินค้าต่างๆ ในช่วงนี้มาเปิดเผยให้ประชาชนช่วยให้ความเห็น หรือ สำนักข่าวอิศราไปช่วยค้นว่าสินค้าที่ซื้อมานี่แพงเกินไปแน่นอน จนมีการสืบสวนอย่างเป็นทางการในที่สุด
เรื่องการเปิดให้ประชาชนเข้ามาช่วยสอดส่องดูแลนี่ มีตัวอย่างความสำเร็จจริงแล้ว จากโครงการข้อตกลงคุณธรรม (IP) ที่เปิดให้มีผู้สังเกตการณ์อิสระไปช่วยสอดส่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการภาครัฐต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้ถึงร้อยละ 30 ต่อโครงการ รวมๆ กันตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประหยัดเงินชาติไปได้จริงแล้วเป็นแสนล้านบาทเลยทีเดียว หากรัฐบาลเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนจำนวนมากเข้ามาช่วยตรวจสอบงบโควิด-19 แบบนี้แล้ว ก็จะมั่นใจได้ว่างบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนนั้นจะถึงมือประชาชนจริงๆ อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า
เปิดสุดท้ายคือ เปิดให้ประชาชนร่วมออกแบบการใช้งบประมาณตั้งแต่ต้น เพื่อเตรียมรับมือกับงบประมาณแก้ไขสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนจำนวนมหาศาลที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ จากงบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท มีส่วนที่เป็นเงินกู้เพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจถึง 1 ล้านล้านบาท หากเราจะรอตั้งรับด้วยการติดตามตรวจสอบตามข้อเสนอ 2 เปิดแรกเท่านั้นอาจจะไม่ทันท่วงที ดังนั้นต้องดำเนินการเชิงรุกด้วยการเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบการใช้งบประมาณตั้งแต่ต้น เพื่อให้ถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
จากงานวิจัยเรื่อง Behavioral Insights ของครัวเรือนไทยภายใต้สถานการณ์ COVID-19 โดย ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ และคณะ พบว่าคนไทยแต่ละกลุ่มในแต่ละพื้นที่ มีข้อจำกัดทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมแตกต่างกันมาก ทำให้การใช้นโยบายเดียวในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควรดังนั้นหากคนแต่ละกลุ่มแต่ละพื้นที่นั้นสามารถมีส่วนร่วมในการออกแบบการใช้งบประมาณตั้งแต่ต้น ก็จะทำให้การแก้ปัญหานี้ไปถูกจุดและถูกวิธีมากขึ้น
ในข้อนี้อดิศักดิ์ สายประเสริฐ นักวิจัย SIAM lab คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้เขียนเสนอแพลตฟอร์มงบประมาณแบบมีส่วนร่วม(Participatory Budgeting Platform) เพื่อช่วยให้หน่วยงานท้องถิ่นมีข้อมูลความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นสำหรับเสนอรัฐบาลให้ออกแบบงบประมาณอย่างเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ป้องกันการอัดฉีดงบประมาณจากส่วนกลางซึ่งคนในท้องถิ่นไม่ได้ต้องการ ที่อาจก่อให้เกิดช่องโหว่ในการทุจริตคอร์รัปชันได้ด้วย
ดังนั้นในวันนี้ที่เรามีโอกาสสยบไวรัสร้าย ไปพร้อมๆ กับการจัดการปัญหาคอร์รัปชันที่เรื้อรังอยู่ในสังคมไทยมานาน จึงต้องรีบคว้าโอกาสไว้ ด้วยวิธีการ 2 ปิด 3 เปิด คือ ปิดคดีโควิดที่คั่งค้าง
ปิดโอกาสการโกงต่อเนื่อง เปิดเผยข้อมูล เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสอดส่องดูแลเงิน และเปิดให้ประชาชนร่วมออกแบบการใช้งบประมาณตั้งแต่ต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี