เรื่องของ “งานวิจัยและนวัตกรรม” นั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ดี มีประโยชน์ต่อชีวิตของผู้คนเกิดขึ้นมามากมาย
สำหรับงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้คือ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2563 (ThailandResearch Expo 2020) ครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน” มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2563 เวลา09.00-18.00 น. ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ โดยในปีนี้จัดงานแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมจำนวนกว่า 300 ผลงานในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ “นิว นอร์มอล” อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19
ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึงงานนี้ว่า เป็นเวทีระดับชาติที่นำเสนอผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีคุณภาพ เน้นการเชื่อมโยงบูรณาการองค์ความรู้สู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ในมิติเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม/ชุมชน และพาณิชย์/อุตสาหกรรม แบ่งออกเป็น5 กลุ่มงานวิจัย ได้แก่ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้ เพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อขับเคลื่อน BCG Economy Model ในปีนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจะเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเป็นประธานเปิดงาน ในวันที่4 สิงหาคม เวลา 10.00 น.
ภายในงาน ประกอบด้วย ภาคนิทรรศการ ได้แก่นิทรรศการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่องานวิจัยไทย พร้อมด้วยนิทรรศการผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากหน่วยงานในระบบวิจัยทั่วประเทศ นิทรรศการนวัตกรรมตอบโจทย์โรคอุบัติใหม่ นิทรรศการชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม และนิทรรศการผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษา
ส่วนภาคการประชุมและสัมมนามีมากกว่า 100 เรื่องกิจกรรม Research Clinic เป็นการให้คำปรึกษาในเรื่องของการวิจัย และ เปิดตัว “ทูตวิจัย” คนแรกของประเทศไทยประจำปี 2563 “อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์” ดาราหนุ่มชื่อดังอีกด้วย
ในปีนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจกว่า 300 ผลงานอาทิ การพัฒนาชุด PPE Coverall รุ่น “เราชนะ” สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการป้องกันขณะเผชิญไวรัสโควิด-19 เจลพอกหน้า สารสกัดจากข้าวหอมมะลิแดง หุ่นยนต์เก็บขยะจากผิวน้ำ การออกแบบบรรจุภัณฑ์น้ำผึ้ง การแก้ปัญหาช้างป่าในประเทศไทย โครงการเภสัชอาสาพาชุมชนยั่งยืน อาหารและเครื่องดื่มหมักจากข้าวมอลต์แดง เป็นต้น
ยกตัวอย่างหนึ่งในผลงานเด่นที่ออกมาทันสถานการณ์ปัจจุบัน นั่นคือ นวัตกรรมเครื่องตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดย ศ.ดร.โกสุม จันทร์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการวิจัยด้านไบโอเซนเตอร์และภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ที่เปิดเผยว่าหลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นปี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการคิดผลิตชุดทดสอบคัดกรองผู้ป่วย ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความรวดเร็ว โดยใช้หลักการในการตรวจเบื้องต้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็จะสามารถรู้ผลทันทีและสามารถที่จะกระทำได้ทั้งในห้องแล็บปฏิบัติการและในพื้นที่มีเครื่องมือที่มีราคาแพง
ศ.ดร.โกสุมกล่าวว่า หลักการคือต้องเป็นวิธีทดสอบง่ายๆ และไม่ใช้เครื่องมือที่มีราคาแพง วิธีการคือว่าเมื่อได้ตัวอย่างมาแล้ว ก็สกัดสารพันธุกรรมออกมาจากนั้นก็ทำการเพิ่มจำนวนพันธุกรรมโดยเพิ่มอุณหภูมิเดียว โดยออกแบบให้ตรวจจับเฉพาะไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพันธุกรรมที่จำเพาะ หลังจากนั้นเมื่อมันทำปฏิกิริยากันแล้วประมาณ 60 นาที เราก็เอาสารละลายผสมอันนี้หยดลงบนแผ่นสตริป ที่มีลักษณะเดียวกันกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ แล้วก็สามารถอ่านผลได้ทันทีว่าเป็นบวกหรือลบ ถ้าอ่านได้แถบเดียวจะเป็นผลเนกาทีฟหรือเป็นลบ แต่ถ้าอยากทราบว่าในแถบอันนั้นมีปริมาณไวรัสเท่าไหร่ สามารถใช้กล้องถ่ายรูปผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือในระบบแอนดรอยด์สามารถถ่ายรูปบนแผ่นสตริปที่เราได้ออกแบบไว้เทียบเคียงมาตรฐานที่ทำไว้แล้วก็สามารถที่จะแปลงออกมาได้ว่ามีปริมาณไวรัสที่อยู่ในนั้นเท่าไหร่การทดสอบนี้ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอยู่ในหลักร้อยเท่านั้น ขณะนี้อยู่ในการพัฒนาเฟสที่ 2
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผ้าใยกล้วยบัวหลวง ผ้าประจำ จ.ปทุมธานี โดย ผศ.ดร.สาครชลสาคร และคณะนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เปิดเผยถึงผลงานชิ้นนี้ว่า ได้นำต้นกล้วยที่เหลือจากการเก็บผลผลิตทางการเกษตรของ จ.ปทุมธานีมาเพิ่มมูลค่า พบว่าเส้นใยจากกล้วยเมื่อผ่านกระบวนการวิจัยคิดค้นด้วยนวัตกรรม ทำให้เกิดเส้นใยที่มีความเหนียวและนุ่ม ปั่นเป็นเส้นด้ายและนำมาทอเป็นผืนผ้าได้ ซึ่งเส้นใยกล้วยที่รับซื้อจากชาวบ้านมีราคาเพียงกิโลกรัมละ500 บาท เมื่อนำมาปั่นเป็นเส้นด้ายกล้วย ทำให้มีราคาสูงถึง 1,400 บาท
เครื่องสูบน้ำพลังเซลล์แสงอาทิตย์ กู้วิกฤติน้ำชุมชน เพื่อแก้ปัญหาเรื่อง “น้ำ” ให้เกษตรกรที่อยู่ห่างไกลระบบสายส่งกำลังไฟฟ้าและเขตชลประทาน คิดค้นโดยรศ.ดร.ทศวรรษ สีตะวัน และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ปริมาณการสูบน้ำได้สูงสุด 2,500 ลิตร ต่อชั่วโมง สูบน้ำใต้ดินได้ลึก 10 เมตร ส่งน้ำในแนวราบได้300 เมตร เกษตรกรสามารถดูแล บำรุงรักษาได้เอง
ผลงานจากฟางข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายผลงานของ อ.เกวรินทร์ พันทวี อาจารย์สาขาวิชาศิลปกรรมคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกับ อ.วีระนุชสระแก้ว จากสาชาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มุ่งแก้ปัญหาด้านมลพิษ จากการเผาฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยว โดยมีการแปรรูปฟางข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ กระถางปลูกต้นไม้ ที่รองแก้วที่วางสบู่ ฯลฯ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานต่างๆ ใน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2563 เท่านั้น ผู้ที่มีความประสงค์เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าทางเว็บไซต์เท่านั้น ที่ www.researchexpo.nrct.go.th และwww.nrct.go.th ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคมนี้ และไม่อนุญาตให้เข้าชมงานแบบ Walk In ทุกกรณี สำหรับผู้ที่พลาดการลงทะเบียน ติดตามชมงานและร่วมประชุม-สัมมนาออนไลน์ได้ทุกหัวข้อ ที่เว็บไซต์ข้างต้นสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2561-2445 ต่อ 515-519
เข้าไปติดตามชมกันได้เลย แล้วจะรู้ว่า คนไทยเราก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี