คืนวันหนึ่งเวลาดึกสงัด ท่าน (พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) กำลังเข้าที่ภาวนา พอจิตสงบรวมลงไป ปรากฏเห็นพระเณรจำนวนมากที่ค่อย ๆ เดินตามหลังท่านมาด้วยความเคารพและมีระเบียบสวยงามน่าเลื่อมใสก็มี ที่เดินแซงหน้าท่านไปข้างหน้าด้วยอาการลุกลี้ลุกลน ไม่มีความเคารพและสำรวมอินทรีย์เลยก็มี ที่กำลังถือโอกาสเดินแซงหน้าท่านไปด้วยท่าทางที่ไม่มีระเบียบธรรมวินัยติดตัวเลยก็มี พวกที่กำลังเอาไม้มีลักษณะเหมือนไม้ผ่าครึ่งเหมือนหีบปิ้งปลามาคีบหัวอกท่านอย่างแน่นแทบหายใจไม่ได้ก็มี
เมื่อเห็นความแตกต่างแห่งพระทั้งหลายที่แสดงอาการไม่มีความเคารพ และทำความโหดร้ายทรมานท่านด้วยวิธีการต่าง ๆ กันเช่นนี้ ท่านก็กำหนดจิตดูเหตุการณ์ที่เกิดเฉพาะหน้าให้ละเอียด ก็ทราบขึ้นมาทันทีว่า
จำพวกที่ค่อย ๆ เดินตามหลังท่านด้วยความเคารพและมีระเบียบสวยงามเป็นที่น่าเลื่อมใส นั้นคือจำพวกที่จะประพฤติปฏิบัติชอบตามโอวาทคำสั่งสอนของท่าน จะเป็นผู้เคารพเทิดทูนท่านและพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต จะสามารถทำตนให้เป็นประโยชน์แก่พระศาสนาตลอดหมู่ชนทั่วไปได้ และสามารถจะยังขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามทางศาสนาให้คงที่ดีงามต่อไป เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสทั้งมนุษย์และเทวดาอีกพรหมยมยักษ์ทั่วหน้ากัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้ทรงตนและพระศาสนาไว้ได้ตามแบบอริยประเพณีไม่เสื่อมสูญ
จำพวกที่เดินแซงหน้าท่านไปด้วยท่าทางไม่ระวังสำรวมนั้นคือ จำพวกอวดรู้อวดฉลาด เข้าใจว่าตนเรียนมากรู้มาก ปฏิบัติดียิ่งกว่าครูอาจารย์ผู้พาปฏิบัติดำเนินด้วยสามีจิกรรมมาก่อน ไม่สนใจเคารพเอื้อเฟื้อต่อการศึกษาไต่ถามข้ออรรถข้อธรรมใด ๆ เพราะความสำคัญตนว่าฉลาดรอบรู้ทุกอย่างแล้วปฏิบัติตนไปด้วยความสำคัญนั้น ๆ อันเป็นทางล่มจมแก่ตนและพระศาสนา ตลอดประชาชนผู้มาเกี่ยวข้องศึกษา ต่างจะนำยาพิษเพราะความเห็นผิดจากอาจารย์องค์นั้นไปใช้แล้วกลายเป็นผู้ทำลายตนและหมู่ชนตลอดกุลบุตรสุดท้ายภายหลังให้เสียหายไปตาม โดยไม่รู้สึกระลึกได้ว่าเป็นทางถูกต้องดีงามหรือไม่ประการใด
จำพวกที่กำลังคอยหาโอกาสเดินแซงหน้าท่านไปในลำดับต่อมานั้น คือจำพวกที่กำลังเริ่มก่อตั้งความเสื่อมเสียแก่ตนและวงพระศาสนาต่อไป ด้วยความสำคัญผิดชนิดต่าง ๆ ทำนองจำพวกก่อนซึ่งเป็นจำพวกที่จะช่วยกันทำลายตนและพระศาสนา อันเป็นส่วนรวมดวงใจของประชาชนชาวพุทธให้ฉิบหายล่มจมลงไปโดยมิได้สนใจว่าผิดหรือถูกประการใด
จำพวกที่เอาไม้มาคีบหัวอกท่านนั้น คือจำพวกที่เข้าใจว่าตนฉลาดรอบรู้และปฏิบัติไปด้วยความสำคัญนั้น ๆ โดยมิได้คำนึงว่าผิดหรือถูก ทั้งที่ความจริงการปฏิบัตินั้นเป็นทางผิด และยังมีส่วนกระทบกระเทือนวงพระศาสนาและครูอาจารย์ที่พาดำเนินมาก่อน ให้มีส่วนบอบช้ำเสียหายไปด้วย ส่วนจำพวกหลังนี้ ท่านเล่าว่า ท่านรู้ตัวและนามของพระนั้น ๆ ด้วย ที่มาทำให้ท่านลำบากในเวลาต่อมา คือพระที่เป็นลูกศิษย์ท่านอยู่ก่อน เป็นแต่ออกไปจำพรรษาอยู่ไม่ห่างกันนัก ซึ่งท่านเองเป็นผู้เห็นชอบและอนุญาตให้ออกไป
เมื่อกำหนดดูเหตุการณ์ทราบละเอียดแล้ว ท่านก็มารำพึงถึงพระจำพวกที่มาทำความทรมานให้ท่านลำบากว่าเป็นพระที่มีความเคารพเลื่อมใสและนับถือท่านมาก ไม่น่าจะทำอย่างนั้นได้ หลังจากนั้นท่านก็คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นตลอดมา โดยมิได้แสดงเรื่องที่ปรากฏในคืนวันนั้นให้ใครทราบเลย
ต่อมาไม่กี่วันก็มีผู้ว่าราชการจังหวัดกับข้าราชการหลายท่าน และพระอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ท่าน และเป็นองค์ที่เป็นหัวหน้าพากันเอาไม้มาคีบหัวอกท่านมาเยี่ยมท่านที่สำนัก
ทั้งสองฝ่ายมาแสดงความประสงค์ขอให้ท่านช่วยอนุเคราะห์ ประกาศเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านในตำบล อำเภอนั้น เพื่อสร้างโรงเรียนขึ้น ๒-๓ แห่งอันเป็นการช่วยทางราชการอีกทางหนึ่งด้วย โดยความเห็นของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงกันมาก่อนแล้วว่า ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นที่เคารพเลื่อมใสของประชาชนมาก ท่านพูดอะไรขึ้นมาต้องสำเร็จแน่นอน จึงได้พากันมาหาท่านให้อนุเคราะห์ช่วยเหลือ
พอทราบความประสงค์ของผู้มาติดต่อแล้ว ท่านก็ทราบทันทีว่า พระทั้งสองรูปนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ท่านลำบาก ซึ่งเทียบกับเอาไม้มาคีบหัวอกท่าน โอกาสต่อไปท่านได้เรียกพระทั้งสองรูปนั้นมาอบรมสั่งสอน เพื่อให้รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควรแก่เพศสมณะปฏิบัติผู้ตั้งอยู่ในความสงบและสำรวมระวัง
ที่เรียนทั้งนี้ก็เพื่อท่านผู้อ่านได้ทราบว่า จิตเป็นธรรมชาติลึกลับและสามารถรู้ได้ทั้งสิ่งเปิดเผยและลึกลับ ทั้งอดีตอนาคตและปัจจุบัน ดังเรื่องท่านพระอาจารย์มั่นเป็นตัวอย่างมาหลายเรื่อง ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติเพื่อความเที่ยงตรงต่ออรรถธรรม มิได้มีความคิดที่เป็นโลกามิสแอบแฝงอยู่ด้วยเลย คำพูดที่ออกจากความรู้ความเห็นท่านแต่ละคำ จึงเป็นคำที่ควรสะดุดใจว่ามิใช่เป็นคำโกหกหลอกลวงท่านผู้หนึ่งผู้ใดทั้งที่อยู่ใกล้ชิดและทั่ว ๆ ไปให้งมงายเสียหายไปด้วยแต่อย่างใด เพราะคำพูดท่านที่นำมาลงนี้ เป็นคำพูดที่พูดในวงจำเพาะพระที่อยู่ใกล้ชิด มิได้พูดทั่วไปโดยไม่มีขอบเขต แต่ผู้เขียนอาจเป็นนิสัยไม่ดีอยู่บ้าง ที่ตัดสินใจนำเอาเรื่องท่านออกมา ความคิดก็เพื่อท่านที่สนใจได้อ่านและพิจารณาดูบ้าง ซึ่งอาจเกิดประโยชน์เท่าที่ควร
.......................................
คัดลอกจากประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ตอนที่ ๑ โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ต่อจากตอน "พระเณรไม่เชื่อคำเตือนจนเกือบเกิดอันตราย" ใน http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-mun/lp-mun-hist-12-04.htm
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี