สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ร่วมกับทุกภาคส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี ประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการผลักดันให้เมืองอุบลฯ ก้าวสู่การเป็น "เมืองกัมมัฏฐานโลก" โดยย้ำชัดว่าผู้นำทุกมิติจะต้อง "ใช้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช้อำนาจเป็นธรรม" พร้อมมุ่งมั่นที่จะจุดและต่อยอดแสงแห่งธรรมให้ส่องสว่างไปทั่วโลก เพื่อนำมาซึ่งสันติสุขและสันติภาพอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00-16.00 น. ณ โรงแรมยูเพลส มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้มีการจัดเสวนาธรรม “ธรรมวิชัย สู่ศตวรรษแห่งธรรม” ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “สัมมาวาทะ: สติสันติสุข สันติภาพ ต่อเทียนธรรม อุบลราชธานี เมืองกัมมัฏฐานโลก” โดยมีผู้บริหารจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ แก้วกุลชัย รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมว่า หลังจากที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย และมีการจัดเสวนาจุดเทียนธรรมเป็นครั้งแรก ได้ก่อให้เกิดศีลธรรมและจิตสำนึกในพื้นที่ การจัดเสวนาธรรมครั้งที่ 2 นี้จึงเป็นการเสริมสร้างสันติธรรม มีสติ และขยายผลไปสู่สันติภาพ เพื่อขับเคลื่อนสู่ศตวรรษแห่งธรรมต่อไป พร้อมหวังว่าการเสวนาครั้งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้อุบลราชธานีเป็นเมืองกัมมัฏฐานโลกอย่างแท้จริง
นายภูษิต น้อยโสภากุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและกล่าวเปิดงาน โดยแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเปิดงานจุดเทียนธรรมครั้งนี้ ท่านได้กล่าวถึงแรงศรัทธามหาชนในการถวายการรับเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ภายใต้โครงการ “ธรรมยาตรา พระบรมสารีริกธาตุ จากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง” ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนจากอุบลราชธานี จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านทั้ง สปป.ลาว และกัมพูชา เข้ากราบสักการะสูงสุดถึง 810,374 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างท่วมท้น นอกจากนี้ จังหวัดอุบลราชธานียังเป็น "ดินแดนนักปราชญ์" ที่ประชาชนใฝ่ธรรม และเป็นถิ่นกำเนิดของพระอริยสงฆ์สายกรรมฐานที่สำคัญ อาทิ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่ชา สุภัทโท ประกอบกับอุบลราชธานียังเป็น "จังหวัดแห่งแสงแรก" และตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีในการเป็นศูนย์กลางแห่งธรรมะ
ยกระดับอุบลราชธานีสู่เมืองกัมมัฏฐานโลกผ่าน "สัมมาวาทะ"
การเสวนาธรรมครั้งที่ 2 นี้ มุ่งยกระดับอุบลราชธานีสู่การเป็นเมืองกัมมัฏฐานโลกผ่านพลังแห่งปัญญาและศรัทธา ด้วยหัวข้อ "สติ สันติสุข สันติภาพ" ซึ่งจะร่วมกันแลกเปลี่ยนถึงการที่สติเป็นรากฐานของสันติสุข และสันติสุขคือหนทางสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน โดยอุบลราชธานีในฐานะเมืองแห่งธรรม สามารถนำหลักคิดของครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานส่งต่อแนวคิด สร้างสันติสุขและสันติภาพต่อไปได้
พระเมธีวรญาณ รองเจ้าคณะภาค 10 และประธานกรรมการบริหารสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้เป็นการต่อยอดจาก "การจุดเทียนธรรม" เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว และเป็นการ "ต่อเทียนธรรม" ไปสู่เมืองกัมมัฏฐานโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันหากทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันในพระพุทธศาสนา
ท่านยังได้อธิบายถึงความสำคัญของ "สัมมาวาทะ" (SAMVAD) ซึ่งเป็นคำที่รัฐบาลอินเดียและญี่ปุ่นใช้หารือร่วมกันในการสร้างสันติภาพ หากเป็นภาษาบาลีคือคำว่า "สัมวาทะ" มีความหมายถึงสาระสำคัญและการปฏิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม โดยเน้นที่การ "ฟัง" หรือ "สุตะ" ที่ต้องเป็น "พหุสุตะ" หรือ "พหูสุตะ" ฟังให้ทะลุทะลวงถึงหัวใจ แล้วจึงตกผลึกในการเสวนา เพื่อร่วมกันคิดและหาทางออกของปัญหา เป็นการ "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" ด้วยสันติสุข
เหตุผลที่ต้องเน้น "สัมมาวาทะ" ในเรื่อง สติ สันติ สันติสุข สันติภาพ นั้น เพื่อนำคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้ในการทำงานและจุดประกายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ประกอบกับอุบลราชธานีเป็นเมืองสำคัญในการรับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พระพุทธเจ้าและสาวกเสด็จมาเพื่อพระพุทธศาสนา เป็นโอกาสครั้งสำคัญในการต่อยอดให้เกิดความต่อเนื่อง และเป็นการทำงานเพื่อถวายพระพุทธเจ้าที่พระองค์เสด็จมาเป็นประมุข เป็นประธาน และเป็นขวัญกำลังใจให้ชาวอุบลราชธานี เป็นการสร้างกำลังใจและศรัทธาอันมั่นคงในพระพุทธศาสนา เพื่อความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของจังหวัดอุบลราชธานี
มุมมองจากผู้ทรงคุณวุฒิและภาคีเครือข่าย
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวถึงที่มาของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ที่เริ่มต้นจากการบวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ท่านได้กล่าวถึงแนวคิด "ธรรมวิชัย" ซึ่งมาจากพระเจ้าอโศกมหาราชที่พิสูจน์แล้วว่าอำนาจที่แท้จริงคือการชนะด้วยธรรม และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลุ่มน้ำโขงก็เปรียบเสมือนมีพ่อและแม่คนเดียวกันในสุวรรณภูมิแผ่นดินธรรม ท่านเชื่อว่าการเสด็จมาประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เป็นพุทธประสงค์ของพระพุทธเจ้าที่ไว้วางพระทัยให้พุทธบริษัท 4 ในจังหวัดอุบลราชธานี "ต่อเทียนเล่มแรก" ให้สว่างไสวไปทั่วประเทศจนถึงประเทศเพื่อนบ้านของเรา พร้อมเรียกร้องให้ชาวอุบลราชธานีภูมิใจในอริยบุคคลของตน และหากมีสติละนิวรณ์ 5 ยกระดับเห็นการเกิดดับทุก ๆ อารมณ์ เพื่อยกระดับจิตเข้าสู่วิปัสสนา ชาวอุบลฯ จะเป็นเทียนเล่มแรกที่ส่องสว่างในลุ่มน้ำโขง กลับไปสู่ลุ่มน้ำสินธุและลุ่มน้ำคงคาต่อไป รวมถึงทุกชาติ ศาสนา และทุกสรรพสัตว์
ดร.สุภชัย ยังเล่าถึงการใช้หลักธรรมะขับเคลื่อนการทำงานในประเทศลุ่มน้ำโขง โดยเน้นว่ามนุษย์ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย และการทำงานด้วยแก่นของธรรมะ รับรู้ลมหายใจบนความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านเน้นย้ำว่ามนุษย์ทุกคนต้องเคารพกันและมีสติ รับฟังซึ่งกันและกัน แม้บางครั้งจะมีอัตตา และอยากส่งเสียงถึงผู้นำในทุกมิติ ทั้งศาสนา การเมือง และทั่วไป ว่าต้องมีสติให้มาก เพราะท้ายที่สุดแม้มีสงครามก็ต้องมานั่งเจรจากัน การมานั่งพูดคุยเป็นการตั้งสติในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง และฝันว่าผู้นำจะรับฟังเพื่อความมีสติ และเกิดสันติสุขและสันติภาพ
พระครูปลัดสุวัฒนอดิเรกคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวก สาขาวัดหนองป่าพงที่ 7 กล่าวถึงการใช้ชีวิตอย่างมีสติ นำไปสู่สันติสุขและสันติภาพว่า เราโชคดีที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ท่านได้เดินทางไปแสดงธรรมใน 8 ประเทศ เพื่อเผยแผ่ธรรมะที่เป็นเสมือนยาบำรุงหัวใจ คำสอนพระพุทธเจ้ามีความหลากหลายที่ควรหยิบมาปฏิบัติให้เกิดผล สัมมาวาทะในวันนี้เป็นหลักธรรมเบื้องต้นที่จะทำให้เกิดสติ สันติสุข และสันติภาพ คือ มนุษยธรรม 4 ประการ ได้แก่ สัจจะ (ความซื่อสัตย์ จริงใจ สุจริตใจ) ธัมมะ (การข่มใจตนเอง) ขันติ (ความอดทน) และ จาคะ (ความเสียสละ) พร้อมแนะนำให้ลูกหลานนำไปใช้ ประกอบกับการมีศีล 5 บริบูรณ์ มีศรัทธาที่มั่นคง มีศีลสม่ำเสมอ พูด คิด ด้วยสติปัญญาไม่ใช้อารมณ์ และมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ประธานสภาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า สัมมาวาทะ หรือ SAMVAD ในอุบลราชธานี เกิดจากการคิดดี สู่คำพูดที่ดี โลกต้องการสถานที่สงบ คนที่มาอุบลราชธานีก็เพราะต้องการสถานที่สงบ ไม่อยากให้คนอุบลฯ หลงไปกับข้อมูลข่าวสารที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ท่านเชื่อว่าอุบลฯ ในฐานะเมืองกัมมัฏฐานโลก จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดด้วย ซึ่งได้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้นำไปเป็นแผนของจังหวัดด้วย
คุณเมตตา เมืองเจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ประธานมูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 150 ปี ชาตกาล จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า คนอุบลราชธานีเป็นคนรักบ้านเกิด อยากเติบโตและกลับมาพัฒนาบ้านเกิด มีนักธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ และการที่มีคนอยากมาอุบลราชธานีเพราะเป็นถิ่นกำเนิดของครูบาอาจารย์ อาหาร รอยยิ้ม และวัฒนธรรมของชาวอุบลราชธานี ด้วยศักยภาพเมืองอาจไม่สามารถเติบโตได้เหมือนหลายจังหวัดเพราะขับเคลื่อนด้วยการเกษตร แต่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สัมพันธ์กับศาสนา หลายองค์กรพยายามเชื่อมต่อความเป็นเมืองพุทธเข้ากับกิจกรรมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และมีการสร้างภาคีเครือข่าย โดยมีเครือข่ายคือโรงพยาบาลที่จะเติบโตเป็น Hub หรือศูนย์กลางของการรักษา สำหรับผู้ป่วยจาก สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งไม่ได้มาเพียงการรักษาพยาบาลแต่มาเพื่อการท่องเที่ยวในลักษณะแพ็คเกจรวมที่แฝงไว้ด้วยความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
ผศ.ดร.ปิยณัฐ สร้อยคำ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาอินเดีย แห่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า บทบาทของมหาวิทยาลัยคือการสร้างองค์ความรู้ สร้างคน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่เน้นการสร้างคน คือ สติ ปัญญา เป็นเมืองแห่งธรรม และความพอเพียง เป็นการสร้างองค์ความรู้ที่ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่เป็นลูกหลานของเมืองอุบลฯ เมืองแห่งนักปราชญ์ เพื่อนำไปสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน และช่วยขับเคลื่อนอุบลราชธานีให้เป็นเมืองกัมมัฏฐานโลกทั้งในจังหวัด และประเทศในรอบอ่าวเบงกอล 7 ประเทศ ได้ตกลงกัน ซึ่งมีข้อเสนอหนึ่งจากผู้ที่มาจากคลังปัญญาว่า ควรที่จะเชื่อมเมืองที่มีลักษณะเป็นสันติ เป็นเครือข่ายเมืองสันติภาพโลก จึงเป็นการขับเคลื่อนของมหาวิทยาลัยทั้งในระดับท้องถิ่น เชื่อมโยงไปในระดับสากล
ดร.อลงกต ชูแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 สังเคราะห์การเสวนาครั้งนี้ว่า เป็นการสนับสนุนการประกาศศตวรรษแห่งธรรมที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ทำให้เกิดเรือประกาศธรรมในทะเลอันดามันจังหวัดกระบี่ ในการประชุม SAMVAD ปีที่แล้ว และจากวิกฤตความขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางจิตของมนุษย์คือทางออก ซึ่งเป็นที่มาของการประชุม SAMVAD ที่สหประชาชาติ ซึ่งผู้นำศาสนาจากทุกประเทศฝากความหวังที่ไทยในการขับเคลื่อนธรรมะ เพื่อสันติภาพ และเป็นหลักคิดที่จะนำไปสู่สัมวาทะและธรรมะขับเคลื่อน
บทสรุปและประกาศจุดเทียนธรรม
พระเมธีวรญาณ กล่าวสรุปในการเสวนาว่า ธรรมะคือธรรมชาติ สิ่งที่อยู่รอบตัวและมีความเกี่ยวข้อง ทั้งธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ของพระโพธิสัตว์ก็คือการตรัสรู้ธรรมะที่มีอยู่ในธรรมชาติ และผลกระทบที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่คือเรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นี่คือหลักธรรมะในชีวิตประจำวัน สตินำไปสู่สันติสุข สันติภาพได้อย่างไร ในเรื่องของสติโดยความหมายคือ การระลึกได้ในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ระลึกในสิ่งที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและตัวเรา ทำให้สังคมมีความเจริญรุ่งเรือง ท่านยังกล่าวว่าอุบลราชธานีต้องเป็นเมืองกัมมัฏฐานโลก เพราะมีความพิเศษ 3 อย่างคือ:
ชาวอุบลราชธานีมีใจใฝ่เรื่องพระศาสนา มีศรัทธาอันมั่นคงไม่หวั่นไหวตามกาลเวลา เปรียบเสมือนภูผาศิลาแท่งทึบไม่หวั่นไหวจากลมและแดด
ชาวอุบลฯ มีความรู้พิเศษที่สามารถกำจัดอวิชชาได้ คือกำจัดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อให้เกิดโทษ ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับคนอื่น
ชาวอุบลมีความกล้าหาญ องอาจ โดยเฉพาะความกล้าหาญในธรรม การใช้ชีวิต ทำตามหน้าที่ตนเอง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนใดคนหนึ่ง เพราะเรามีใจ เรามีความรู้ เราจึงต้องมีความกล้าหาญ โดยศึกษาดูจากหลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงปู่เสาร์
อุบลราชธานียังเป็นเมืองที่เห็นแสงแรก ดังนั้นจึงมีทั้งการตื่นรู้ และเบิกบาน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นเมืองกัมมัฏฐานโลก
จากนั้น ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ ได้ประกาศ "จุดเทียนธรรมอุบลราชธานีเมืองกัมมัฏฐานโลก" และปิดการเสวนา โดยเชื่อว่าการประกาศในวันนี้ได้ทำให้เห็นแสงสว่าง และเทียนที่เป็นสัญลักษณ์มีความสมบูรณ์มากในการต่อเทียนให้สว่างไสวไปทั่วจังหวัดอุบลราชธานี และสว่างไสวไปทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทย ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำคงคา และทุกลุ่มน้ำทั่วทั้งโลก ด้วยศรัทธาที่ตั้งมั่นทั้งความรู้ สติปัญญา ความกล้าหาญ มั่นใจว่าอุบลราชธานีจะเป็นแสงสว่างแห่งแรกให้กับพุทธศาสนิกชนในยุคกึ่งพุทธกาล และจะช่วยให้พระพุทธศาสนาได้ต่อยอดไปอีก 2,500 ปีพุทธกาลอย่างแน่นอน โดยการใช้ชีวิตอย่างมีสติ และผู้นำรู้จักใช้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช้อำนาจเป็นธรรมเหมือนในปัจจุบันนี้ ซึ่งมนุษย์มักจะหลงอยู่ในอัตตา ราคะ โทสะ โมหะ หรืออวิชชา ท่านเชื่อมั่นว่าชาวอุบลฯ ทำได้ และเพื่อแผ่นดินสยามที่ทุกคนได้อาศัยพระบรมโพธิสมภาร วันนี้พระมหากษัตริย์ของเรามีพระประสงค์ให้ธรรมะนาวา เรือแห่งธรรมจากแผ่นดินสยามได้นำพาออกสู่มหาสมุทรทั้ง 4 ต่อไป และเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของทุกคน เราจะทำได้สำเร็จ
งานเสวนาครั้งนี้เป็นการดำเนินงานสืบเนื่องจากความสำเร็จในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และการเสวนา “ธรรมวิชัย สู่ศตวรรษแห่งธรรม” และพิธีจุดเทียนธรรม ครั้งที่ 1 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนอุบลราชธานีสู่การเป็นเมืองกัมมัฏฐานโลก - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี