9 กันยายน 2563 ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ปิยะพัชร์ เดชจรรยา เลขาชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตเปิดโปงอย่างสร้างสรรค์ รักษาและผดุงไว้ซึ่งจริยธรรมคุณธรรมของสังคม พร้อมด้วยนายปฐมฤกษ์ มณีเนตร ประธานชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมา , ดร.ชูเกียรติ วิเศษเสนา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 31 ได้เรียกประชุมครูที่ได้รับผลกระทบจากคดีสนามฟุตซอล เรื่อง "ชุมนุมใหญ่ภาคประชาชน ชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมา"
โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนด้วยตนเอง เพื่อส่งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคำสั่งให้บุคลากรทางการศึกษาจำนวน 8 ราย ออกจากราชการ และยังจะมีคำสั่งไล่ออกจากราชการตามมาอีกจำนวน 56 ราย โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม
ดร.ปิยะพัชร์ กล่าวว่า หลังจากครูรวมตัวกันเคลื่อนไหวมาครั้งหนึ่ง เพื่อยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดได้รับหนังสือตอบกลับจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ค่ายสุรนารี ว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมาทราบ ว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนมติตามมติทบทวนมติตามมาตรา 99 (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบทุจริต พ.ศ.2561) ของ ป.ป.ช.ตั้งแต่วันที่3 สิงหาคม 2563 โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 วัน แล้วจะแจ้งให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทราบต่อไป และในส่วนคดีอาญานั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการร่วมฝ่ายผู้แทนอัยการสูงสุดและผู้แทน ป.ป.ช.ตั้งแต่มิถุนายน 2563-ปัจจุบัน จึงต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการทั้ง2ชุดเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ดร.ปิยะพัชร์ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารและครูในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 64 คน ถูกไล่ออกจากราชการ กรณีสนามฟุตซอล เราไม่อาจนิ่งเฉยได้ และต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม จึงการเปิดเวทีเสวนาปัญหาและผลกระทบกรณีโครงการปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์งบประมาณปี 2555 (สนามฟุตซอล) มีตัวแทนจากกลุ่มครูที่ถูกดำเนินคดี
สาเหตุมาจาก 1. บุคลากรทางการศึกษา คุณครูในจังหวัดนครราชสีมา ได้ถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ จำนวน 8 คน และกำลังจะมีคำสั่งไล่ออกอีก 56 คน 2. บุคลากรทางการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านพิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ชี้มูลความผิดต่อบุคลากรทางการศึกษานั้นได้กระทำอย่างไม่มีพยานหลักฐานอะไรเลย มีอคติ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 215 เป็นการกระทำแบบเหมาเข่ง เหมือนทำตามความต้องการของใคร คนใดคนหนึ่ง โดยไม่เกรงกลัวกฎระเบียบข้อบังคับใด ๆ
3. บุคลากรทางการศึกษาที่เดือดร้อนมิได้ร้องขอสิ่งที่เกินไปกว่าสิทธิอันพึงมีของพวกเขาคือ "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" ตอกย้ำถึงจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ว่า "มนุษย์ยอมทนได้ทุกเรื่อง ยกเว้นความอยุติธรมจะทนไม่ได้" 4. ทางชมรมฯ เกรงว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต จะเกิดความวุ่นวายในสังคมไทย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนผู้เสียภาษีในสังคมได้โปรดพิจารณาแก้ไขปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักการเมือง, ผู้รับเหมา, ครู และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษให้จงได้
5. พวกข้าพเจ้า จะขอต่อสู้เคลื่อนไหวในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับของสังคมไทย ขอเรียนว่าเป็นคำสั่งที่อัปยศขององค์กร ป.ป.ช. ที่มีต่อบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต และ6.ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 215 ได้บัญญัติไว้ว่า องค์กรอิสระเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ให้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ทั้งนี้หากข้อเรียกร้องยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเราจะกำหนดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยจะมีการเรียกรวมพลที่ จ.นครราชสีมา ก่อนเคลื่อนทัพบุกเมืองหลวง แต่เราจะเคลื่อนไหวโดยสงบสันติซึ่งจะหารือกันอีกครั้ง
ด้านนายวิเชียร กล่าวว่า ทางผู้นำครูได้มีการนำหนังสือเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดมามอบให้ซึ่งตนจะ ส่งมอบต่อให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงและความเดือดร้อนของกลุ่มครู เพื่อนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง สวนข้อเท็จจริงตนยังไม่ทราบถึงรายละเอียดเบื้องลึก เกี่ยวกับเรื่องเรียกร้องขอความเป็นธรรม ทาง ป.ป.ช. ก็มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ว่าองค์กรสามารถที่จะตั้งองค์กรกลางขึ้นมาตรวจสอบได้
จากนั้นต้องมีการสะท้อนแง่มุมต่างๆทางกฎหมาย เบื้องต้นจะนำเอกสารผ่านไปทางนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อเรียกร้องต่างๆ เพื่อให้ทบทวนคำสั่ง เกี่ยวกับการไล่ข้าราชการครูออกจากราชการ แต่ยังไงก็ต้องยึดหลักกฎหมายของประเทศชาติเป็นหลัก และตามเอกสารหลักฐาน ในการชี้มูลความผิด ขณะเดียวกันครูก็ยังไม่หวังหากนายกพิจารณาดูแล้วอาจจะส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช. แต่ตราบใดที่คำสั่งยังไม่ออกเกี่ยวกับไล่ครูออกจากข้าราชการ หรือเรื่องยังไม่จบ ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอข้อมูล ร้องขอความเป็นธรรม
ขณะที่ น.ส.พูนพิศมัย เปี่ยมสุวรรณ อายุ 50 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านหินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาเขต2 ซึ่งถูกให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กล่าวว่า วันนี้ชีวิตล้มเหลวมากไม่รู้ชะตากรรมแผนที่เคยวางไว้ในอาชีพครูต้องพังทลายลงไป จะไปสมัครงานที่อื่นก็ไม่ได้เพราะถูกไล่ออกกลายเป็นตราบาปชีวิตไปตลอด วันนี้รู้สึกเสียใจเพราะ ป.ป.ช.ไม่ลงมาสอบข้อเท็จจริงไม่เคยมาสอบเส้นทางการเงินรวมถึงความสัมพันธ์กับนักการเมืองเพราะตนไม่เคยรู้จักนักการเมือง ไม่เคยคุยด้วยซ้ำ และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนแต่อย่างใด ทำหน้าที่ครูด้วยความตั้งใจ และไม่เคยเห็นงบแม้แต่บาทเดียว และโรงเรียนของตนเป็นโรงเรียนขยายโอกาสการ ได้สนามฟุตซอลก็เห็นว่าเหมาะสมตอนส่งงานก็เรียบร้อยดีและมีเป็นร้อยโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรมาพร้อมกันตนจึงไม่คิดเอะใจและเห็นว่าทุกอย่างทำถูกระเบียบจึงอยากขอความเห็นใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าวได้มีการเขียนป้ายมาติดตัดพ้อบริเวณการจัดงาน โดยข้อความระบุว่า “ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มนุษย์ทนได้ทุกเรื่อง ยกเว้นความยุติธรรมจะทนไม่ได้” และภายในงานยังมีบุคลากรครู จ.นครราชสีมา กว่า 300 ราย มามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของสารวัตรทหาร และตำรวจกว่า 50 นาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี