ฤดูฝนที่ใกล้จะผ่านไปหรือกำลังจะเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ในกลางเดือนกันยายนแบบนี้ เป็นจังหวะดีๆ ที่เราจะชวนกันเก็บกระเป๋าออกมาเดินทางเที่ยวแบบชุ่มฉ่ำ แนวหน้าพาเที่ยวจะพาคุณผู้อ่านไปย้อนอดีตชมความงามของเมืองแห่งปราสาทหิน ท่องถิ่นผ้าไหม พาลุยถิ่นช้างกันที่จังหวัดบุรีรัมย์-สุรินทร์ ภายใต้โครงการ "เล่าเรื่องภูมิใจ ชุมชนไทยชุมชนเท่" เนรมิตรการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ไม่รอช้ายามเช้าบรรยากาศสดใสแบบนี้ เราจะพาทุกคนมาไหว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนจะออกไปท่องเที่ยวกันที่ วัดระหาน (เกาะแก้วธุดงคสถาน) ภายในวัดได้ประดิษฐานพระมหาธาตุรัตนเจดีย์ เพื่อเป็นปูชนียสถานระลึกถึงองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากสามประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า ศรีลังกา ภายในวัดยังมีนกยูงอาศัยอยู่จำนวนมาก และมีต้นไม้ล้อมรอบทำให้ เป็นสถานที่สงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปกราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ทำบุญและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก
มาบุรีรัมย์เมืองแห่งกีฬาทั้งที่ เราจะไม่แวะชมความยิ่งใหญ่ของสนามช้าง อารีน่าสเตเดี้ยม เห็นทีจะไม่ได้ สนามฟุตบอลช้างอารีนา เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือทีมปราสาทสายฟ้า อีกทั้งยังเป็นสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่า ซึ่งจุผู้ชมได้มากที่สุดถึง 32,600 ที่นั่ง และยังได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ดส์ ว่าเป็นสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าที่ใช้เวลาสร้างน้อยที่สุดในโลก คือ 256 วัน นอกจากภายในสนามที่มีความสวยงามและสีน้ำเงินโดดเด่นแล้ว ส่วนประกอบบริเวณนอกสนามก็มีพื้นที่มากมายให้เดินเก็บบรรยากาศ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกของสโมสร หรือ Buriram United Mega Store ตั้งอยู่ด้านหน้าสนาม ขายของที่ระลึกต่างๆ เช่น เสื้อ พวงกุญแจ หมวก กระเป๋า เป็นต้น ซึ่งตอนนี้เสื้อและของที่ระลึกประจำสโมสรได้กลายเป็นของฝากประจำจังหวัดบุรีรัมย์ไปเรียบร้อยแล้ว
ออกเดินทางกันต่อที่ชุมชนบ้านเจริญสุข แหล่งขึ้นชื่อด้านการย้อมผ้าจากดินภูเขาไฟ หรือที่เราเรียกว่าผ้าภูอัคนี หมู่บ้านเจริญสุขตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟอังคารและในอำเภอยังมีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วถึง 4 ลูก ชาวบ้านก็เลยเกิดไอเดียนำดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุของภูเขาไฟมาย้อมเส้นฝ้าย แล้วถักทอด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม เกิดเป็นผ้าภูอัคนี เนื้อนิ่ม สีเอิร์ธโทนเป็นเอกลักษณ์ นอกจากสีที่ได้จากดินภูเขาไฟแล้วยังมีสีที่ได้จากธรรมชาติอีกหลายอย่างเช่น สีชมพูอมม่วงได้มาจากครั่ง สีเขียวอมเหลืองจากใบสมอ และสีอื่นๆอีกมามาย ทั้งนี้บรรดาแม่ๆก็ได้สาธิตการย้อมผ้าจากดินภูเขาไฟในได้ชมกันแบบสดๆอีกด้วย เหมาะกับการนำไปเป็นของฝากจริงๆ
แดดร่มลมตก ลมพัดสบายๆแบบนี้ เหมาะแก่การไปชมปราสาทหินโบราณ สถานที่ขึ้นชื่อและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของจังหวัดบุรีรัมย์อย่างปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนเขาพนมรุ้ง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว คำว่า พนมรุ้งนั้น มาจากภาษาเขมร คำว่า วนํรุง แปลว่าภูเขาใหญ่ สร้างขึ้นโดยมีรูปแบบของศิลปะเขมรโบราณที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดูลัทธิไศวะซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุดเพื่อเป็นเทวาลัยที่ประทับของพระศิวะ ดวงอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน ช่องชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้น มาเพื่อชม ความอลังการที่ผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างของบรรพชน นอกจากนี้ในวันที่ 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี ดวงอาทิตย์ก็ตกส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน เช่นกัน มีความเชื่อกันว่าปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ การรับแสง อาทิตย์ที่สอดส่องผ่านศิวลึงค์ ซึ่งตั้งอยู่กลางปราสาทเขาพนมรุ้ง เป็นการเสริมพลังชีวิตและความเป็นสิ่งมงคลกับตนเองและครอบครัว ของผู้ที่พบเห็น ปัจจุบันปราสาทหินพนมรุ้ง กำลังอยู่ในเกณฑ์กำลังพิจารณาเป็นมรดกโลก ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินขอม ของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
หลังจากเดินทางสู้แดดกันมาทั้งวันแล้ว เราจะเดินทางข้ามจังหวัดมากินอาหารเย็นกันที่ จังหวัดสุรินทร์ ที่ร้านอาหารกรีนเทอเรซ เป็นร้านอาหารสบายๆคลอกับเพลงเบาๆ มีอาหารหลากหลายยังมีกาแฟและสปาด้านในไว้ให้บริการ เหมาะสำหรับการผ่อนคลายแบบสุดๆ ก่อนที่จะหมดวันเราจะพาทุกท่านไปพักกันที่ โรงแรมเซเว่นบี บูติดโฮเทล เป็นโรงแรมที่ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการห้องพักระดับพรีเมียม ดีไซน์ทันสมัย สะอาด กว้างขวาง ที่จอดรถสะดวก มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง ตั้งอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบและสะดวกต่อการเดินทาง
เข้าสู่วันที่สองของการเดินทาง สถานที่แรกของวันนี้ที่เราจะพาไปกันคือ วนอุทยานพนมสวาย เป็นภูเขาบนที่ราบทำนาของจังหวัดสุรินทร์ คือ พนมเปร๊าะ และพนมสรัย ทั้งสามลูกรวมกันกลายเป็นเขาพนมสวาย ผู้ที่มาเยือนเขาพนมสวายจะได้สักการะ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล คือ พระใหญ่หรือพระพุทธสุรินทรมงคล อัฐิหลวงปู่ดุล อตุโล พระพุทธรูปองค์ดำ หลวงปู่สวน รอยพระพุทธบาทจำลอง ศาลเจ้าแม่กวนอิม เต่าศักดิ์สิทธิ์ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตรงส่วนบริเวณก่อนจะขึ้นเขาจะเป็นที่ตั้งของสถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เกจิอาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงสำหรับชาวสุรินทร์ ทางเข้าสถูปแขวนระฆังทอดยาวไปจนถึงตัวสถูป จากนั้นขับรถขึ้นไปไม่ไกล เพื่อไปสักการะพระพุทธสุรินทรมงคล ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา เป็นพระพุทธรูปสีขาว ปางประทานพร ภปร สำหรับทางขึ้นมีบันไดจำนวน 200 กว่าขั้น ระหว่างทางเรียงรายไปด้วยระฆังจำนวน 1080 ใบ ให้ผู้มาเยือนเคาะเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเดินขึ้นไปจะพบกับศาลาหลังเล็กหลังหนึ่ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ดำ อยู่ด้านหน้าของพระพุทธสุรินทรมงคล เป็นศาลาที่สร้างด้วยลวดลายสลักงดงามศิลปะแบบขอมโบราณ ผู้เขียนแอบได้ยินมาว่าใครที่มาขอพรที่นี่แล้วตีระฆังครบ 1080 ใบ แล้วจะมีแฟน งั้นอย่ารอช้าเราจะมาไล่เคาะระฆังให้ครบกันเถอะ
สถานที่ต่อไปเราจะพาทุกคนไปชมการทอผ้าไหมแบบโบราณ และขึ้นชื่อของจังหวัดสุรินทร์ ที่มีรางรัลการันตีถึงความงดงามของทอผ้าไหม ที่ชุมชนตำบลสวาย หนึ่งในแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ และแหล่งผลิตผ้าไหมที่ใช้ศิลปะวิทยาการที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาแต่โบราณ โดยเป็นอาชีพเสริมสำหรับผู้หญิงในชุมชน ที่วันนี้กลายเป็นมรดกอันล้ำค่า ในฐานะงานศิลปหัตถกรรมที่สืบ ทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ในการมาครั้งนี้บรรดาแม่ๆทั้งหลายได้สาธิตวิธีการทำผ้าไหมตั้งแต่มัดลาย ย้อมผ้าจนถึงการทอให้ได้ดูกันด้วย และในเที่ยงวันนี้เราจะฝากท้องกินอาหารกลางวันกันที่ชุมชนก่อนที่จะออกเดินทางกันต่อ
ฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล เราไม่รีรอให้เสียเวลา ไปต่อกันที่ศูนย์คชศึกษา มาสุรินทร์ ถิ่นช้างทั้งที ถ้าไม่เจอช้างก็ถือว่ามาไม่ถึง เป็นสถานที่ดำเนินงานตามโครงการนำช้างคืนถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนให้กลับมาอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิดอย่างมีความสุขโดยจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ การแสดงของช้าง พิพิธภัณฑ์ช้าง และการแสดงช้างเล่นน้ำ ในช่วงเวลาที่ไม่มีการแสดง สามารถเข้ามาชมและสัมผัสช้างได้อย่างใกล้ชิด ทั้งลอดท้องข้างขี่ช้าง นั่งงวงช้าง โดยให้ค่าตอบแทนใส่กล่องบริจาคที่ควาญช้างแต่ละตัวตามความเหมาะสม ซึ่งช้างในศูนย์คชศึกษาเป็นช้างที่ค่อนข้างเชื่อง คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ด้วยความน่ารักและแสนรู้น้องช้างทำให้คนดูมีความสนุก และได้เก็บความสุขกลับบ้านไปอย่างเต็มอิ่ม ก่อนที่เราจะมาพักที่โรงแรมฟอร์จูน เราจะแวะทานอาหารที่ ร้านบ้านชายน้ำ ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารอร่อย
ยามเช้าสดใสของทริปในวันสุดท้ายนี้ เราจะเริ่มต้นทริปของวันแบบสดชื่นๆกันที่อุทยานดอกไม้เพลาเพลิน ด้านหน้าเป็นส่วนของโซนต้อนรับจะมีพื้นที่ขายบัตรเข้าชมอุทยานไม้ดอก โดยมีรถรางนำเข้าไปในพื้นที่ในส่วนของอุทยานดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังจากนั้นเดินชมไปยังโรงเรือนต่างๆซึ่งเชื่อมต่อกัน แต่ทริปพิเศษๆแบบแนวหน้าพาเที่ยวแล้วละก็ เราจะพาทุกคนมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้กัญชา ที่เปิดแบบถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายแล้ว และบริเวณศูนย์เพาะเลี้ยงยังมีระบบป้องกันความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเซนเซอร์ที่เมื่อเข้าใกล้จะส่งสัญญาณไปยังสถานีตำรวจเลยทีเดียว โดยทางศูนย์การเรียนรู้จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการสกัดเอาประโยชน์ของตัวกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งในอนาคตที่เปิดกว้างมากขึ้นเราอาจจะได้ใช้กัญชารักษา ซึ่งเป็นสมุนไพรทางเลือกที่หากเราใช้ถูกต้องสรรพคุณของกัญชานั้นจะให้คุณประโยชน์แก่ผู้ที่จำเป็นอีกมากมาย
ถัดจากศูนย์การเรียนที่เราขับผ่านมาจะเป็นเจดีย์สถูปแกะสลักหินเป็นที่ประดิษฐานของ พระธาตุเขี้ยวแก้ว(จำลอง) และหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ให้ทุกท่านได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลเมื่อมาเยี่ยมชมอุทยานอีกด้วย
ถัดมาอีกไม่ไกลเราจะพบการโรงเรือนที่ปลูกไม้นานพันธุ์ให้ได้ถ่ายรูปและชมความงาม โรงเรือนที่หนึ่ง ซึ่งจัดแสดงไม้ดอกตามฤดู โดยจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนดอกไม้ในช่วงฤดูนั้นมาจัดแสดงให้ชมเราในช่วงฤดูฝนพื้นที่ในส่วนนี้จะเป็นดอกกระเจียว เดินไปชมยังโรงเรือนต่อไประหว่างทางเดินก็จะพบกับการตกแต่งสวนสไตล์อังกฤษ เหมือนโรมิโอกับจูเลียต บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ
โรงเรือนที่สองจัดแสดงเฟิร์นนานาสายพันธุ์ ซึ่งมีการจำลองบรรยากาศภายในให้เป็นป่าดึกดำบรรพ์ มีการนำรูปปั้นไดโนเสาร์มาไว้ข้างในด้วย
โรงเรือนที่สาม เป็นการจัดแสดงพืชในตระกูลสับปะรดสี โดยมีการนำมาตกแต่งภายใต้แนวคิดสีสันธรรมชาติ โรงเรือนที่สี่ จัดแสดงกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์ แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นการจัดเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
โรงเรือนที่ห้า จัดแสดงพืชเขตร้อน เช่น ตะบองเพชรชนิดต่างๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ มหาพีระมิด จำลองบรรยากาศเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในประเทศอียิปต์มีรูปปั้น พีระมิด ฟาร์โรห์ สฟิงซ์ รายล้อมไปด้วยกระบองเพชรพันธุ์แปลกตานานาชนิด
มาถึงโรงเรือนสุดท้ายที่จัดแสดงเกี่ยวกับโกสนและวิถีชาวบ้านการผ้าไหม ให้ได้ชมกัน แวะชมความงามของดอกไม้กันไปแล้วทางอุทยานยังมีเวิร์คช็อปปลูกต้นไม้และเอากลับไปปลูกต่อที่บ้านกันด้วย ก่อนจะไปที่ต่อไปอย่าลืมแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือ สินค้าจากชาวบ้านและของขึ้นชื่อของจังหวัด
กลางวันนี้เราจะพามาอิ่มท้องที่ร้านเป็ดย่างคูเมือง แล้วเราจะไปกันต่อที่ วนอุทยานเขากระโดง เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วรอบ บริเวณปกคลุมด้วยป่าไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะนกนานาชนิด เดิมชื่อเดิม คือ "พนมกระดอง" เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขากระดอง (เต่า) เป็นภูเขาที่มีรูปลักษณ์คล้ายกระดองเต่า ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น "กระโดงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจและศึกษาประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา เพราะเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานกู่เขากระโดง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และมี “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ คู่เมืองบุรีรัมย์บนยอดเขาการขึ้นไปเขากระโดง ทำได้สองวิธี คือ เดินขึ้นบันไดจำนวน 297 ขั้น หรือ ขับรถขึ้นไปถึงยอดเขา
ก่อนจะกลับเราจะพาทุกคนไปนั่งชิลจิบกาแฟที่ the tower cafe & hangout ร้านคาเฟ่ในเมืองบุรีรัมย์ เป็นแหล่งแฮงเอ้าท์ พบปะสังสรรค์เพื่อนๆ หรือญาติสนิทมิตรสหาย มีทั้งเครื่องดื่ม ขนมหวาน และอาหารให้ชิมมากมาย และมีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปกันจนเลือกไม่ถูกเลย
แนวหน้าพาเที่ยวพาไปตะลุยปราสาทเมืองโบราณ เยือนถิ่นช้างใหญ่กันแล้ว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตรึงใจผู้เขียนเมื่อมาเยือนถิ่นนี้คือ ความใจดีเป็นกันเองของชาวบ้าน เพียงเราไปมาเยือนพวกเขาก็พร้อมที่จะต้อนรับเราด้วยความอบอุ่น ของกินของอร่อยมีให้ได้กินไม่ขาด นับว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของแดนดินถิ่นอีสานนี้ ความสวยงามของธรรมชาติที่ยังรอให้ทุกคนชม เชื่อว่าใครมาเยือนก็ต้องหลงรัก จนอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้ง อยากชวนให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตนเอง ครั้งหน้าแนวหน้าพาเที่ยวจะไปถิ่นใด อย่าลืมติดตามกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี