“ไซบาธอน (Cybathlon)” มหกรรมทางเทคโนโลยีที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการและนวัตกรจากทั่วโลก ได้มาประลองการออกแบบนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีสำหรับผู้พิการ เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมการแพทย์และมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ BCI คลื่นสมองเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ สรีระอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไซบาธอนนั้นมีกำหนดจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยเริ่มจัดเป็นครั้งแรกในปี 2559 ที่ผ่านมา และเมื่อผ่านพ้นการแข่งขันไปแล้ว 1 ปี จะมีการเผยแพร่ความรู้หรือผลงานจากการแข่งขันส่วนหนึ่งออกสู่สาธารณะด้วย
โดยมหกรรมไซบาธอน ประจำปี 2563 (Cybathlon 2020) ซึ่งมีผู้สมัครเข้าแข่งขัน 77 ทีม จาก 30 ประเทศทั่วโลก เดิมมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย. 2563 ณ เมืองซูริคประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19ที่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางข้ามประเทศ ทำให้ต้องเปลี่ยนมาจัดการแข่งขันทางออนไลน์และถ่ายทอดสดแทน ในครั้งนี้ “มีการแข่งขัน 6 ประเภท” ได้แก่ 1.ควบคุมสั่งการแข่งรถด้วยคลื่นสมองเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interface Race) สำหรับผู้พิการการเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่าคอลงมา
2.จักรยานที่ใช้อุปกรณ์กระตุ้นกล้ามเนื้อขาด้วยระบบไฟฟ้า (Functional Electrical Stimulation Bike Race) สำหรับผู้พิการไขสันหลังตั้งแต่เอวลงมา 3.ใช้เทคโนโลยีแขนเทียมเพื่อปฏิบัติภารกิจ (Powered Arm Prosthesis Race) 4.ใช้เทคโนโลยีขาเทียม แข่งวิ่งวิบากและปฏิบัติภารกิจ (Powered Leg ProsthesisRace) 5.แข่งขันเดินผ่านสิ่งกีดขวางโดยใช้อุปกรณ์เสริมแรงสำหรับผู้พิการไขสันหลัง (Powered Exoskeleton Race) และ 6.แข่งขันควบคุมวีลแชร์ ซึ่งมีต้นกำลังขับเคลื่อนเพื่อขึ้นบันไดและตะลุยวิบาก (Powered Wheelchair Race)
ในการแข่งขันครั้งนี้ ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ส่งตัวแทนผู้พิการ 2 คนลงแข่ง ประกอบด้วย 1.นายศักดิ์จุติ ปลั่งพงษ์พันธ์(ออมสิน) หนุ่มขาพิการจากอุบัติเหตุ วัย 34 ปี อาชีพครูสอนศิลปะและขับรถส่งสินค้า ลงแข่งประเภทจักรยานที่ใช้อุปกรณ์กระตุ้นด้วยระบบไฟฟ้า กับ 2.นายเกรียงไกร เตชะดี (ปาล์ม) หนุ่มผู้พิการตั้งแต่คอลงไป นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา วัย 26 ปี ลงแข่งประเภทคลื่นสมองเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
รศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดเผยว่า ทีมงาน “MAHIDOL BCILAB” ได้พัฒนานวัตกรรมสำหรับใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ คือ 1.อุปกรณ์ BCI หรือ Brain-Computer Interface เทคโนโลยีเชื่อมสัญญาณสมองกับคอมพิวเตอร์เพื่อสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจและหลายองค์กรชั้นนำกำลังเร่งพัฒนาออกมาใช้กับมนุษย์ในอนาคตอันใกล้
ระบบของ BCI ประกอบด้วย ชุดอุปกรณ์สัญญาณสมอง ได้แก่ หมวกที่มีอิเล็กโทรดสำหรับวัดสัญญาณสมองจากผิวบนหนังศีรษะ และวงจรขยายสัญญาณสมอง เชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์วิเคราะห์รูปแบบของสัญญาณที่ทางทีมพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในการแยกแยะสัญญาณสมองออกจากสัญญาณชีวภาพชนิดอื่น จากนั้นจึงแยกแยะแต่ละคำสั่งออกมาในรูปแบบที่ต้องการ บังคับรถเลี้ยวซ้าย ขวา และเปิดไฟหน้าตามต้องการ
กับ 2.อุปกรณ์จักรยานไฮเทค FES หรือ Functional Electrical Stimulation ใช้พหุศาสตร์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เราออกแบบเองตั้งแต่ชิปวงจร ฮาร์ดแวร์ เครื่องกล ไฟฟ้าและไอที ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ วงจรกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะมีแผ่นอิเล็กโทรดติดที่ขาแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าทำให้กล้ามเนื้อยืดหดตัวเป็นจังหวะ เพื่อใช้ในการปั่นจักรยาน ขณะที่ตัวจักรยานนั้นออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับสรีระของผู้แข่งขันโดยใช้เบาะนั่งแบบแขวน ระบบขับเคลื่อนและโครงสร้างจักรยานสอดคล้องกัน
จักรยานนี้สามารถใช้งานได้ทั้งในสนามแข่งและนอกสนามแข่ง เช่น รูปทรง วัสดุ และน้ำหนัก ระบบทดกำลัง และระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน โดยในระบบกระตุ้นไฟฟ้านั้นจะมีชุดประมวลผลที่สามารถตรวจสอบสถานะของจักรยานและปรับเปลี่ยนรูปแบบการปล่อยไฟฟ้าลงบนกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย ทำให้ผู้พิการสามารถใช้ขาปั่นจักรยานได้อย่างน่าทึ่ง
เสียงจากตัวแทนผู้พิการที่ลงแข่งขัน เกรียงไกร เตชะดี เล่าว่า จากอุบัติเหตุตกจากที่สูงทำให้กลายเป็นผู้พิการต่ำกว่าคอลงมาซึ่งเทคโนโลยี BCI หรือ Brain-Computer Interfaceมีประโยชน์มาก โดยการฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งต้องใช้สติ สมาธิและความเชี่ยวชาญ เพียงแค่คิดก็ขับรถแข่งได้ในเกมที่กำหนดโดยใช้สัญญาณสมองควบคุมการเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา และเปิดไฟ สำหรับภารกิจแข่งขันในระยะทาง 500 เมตร ในเวลา 4 นาที แต่จากปี 2562 ที่เคยทำผลงานโดดเด่นในการแข่งขันในงานประชุมวิชาการด้านสัญญาณสมอง ณ เมืองกลาซ ประเทศออสเตรีย ทำให้ปีนี้มั่นใจมากขึ้น
ขณะที่ ศักดิ์จุติ ปลั่งพงษ์พันธ์ เล่าว่า เป็นผู้พิการระดับต่ำกว่าเอวลงมาเพราะอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเทคโนโลยี FES หรือ Functional Electrical Stimulation นั่นน่าทึ่งมากเพราะทำให้สามารถปั่นจักรยานได้ การแข่งขันจะให้เวลา 8 นาที กับระยะทาง 1,200 เมตร โดยได้มีส่วนร่วมกับทีมงานในการออกแบบจักรยานให้มีประสิทธิภาพ และในอนาคตเชื่อว่าสามารถพัฒนาเป็นอุปกรณ์ต้นแบบทำกายภาพเพื่อฟื้นฟูระบบประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อผู้ป่วยได้ มั่นใจว่า Cybathlon 2020จะเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพของคนไทยบนเวทีโลก
ด้าน พงศกร เวชการ ผู้จัดการทีมมหิดล บีซีไอแล็บ (MAHIDOL BCILAB) อธิบายว่า สนามแข่ง Cybathlon 2020 ทางออนไลน์ ปีนี้มีทั้งหมด 40 ฮับ (HUB) ทั้งนี้คณะกรรมการจัดงานจากสวิตเซอร์แลนด์ได้ส่งตัวแทนมาตรวจสอบตามมาตรฐานที่กำหนด การตัดสินในการแข่งขันทุกประเภทจะตัดสินจากเวลาที่ใช้ในการทำภารกิจ หากไม่สามารถทำสำเร็จก่อนหมดเวลาจะตัดสินจากคะแนนหรือระยะทางที่ทำได้ แต่ละทีมจะมีโอกาส 3 ครั้ง เพื่อนำคะแนนที่ดีที่สุดมาตัดสินเป็นผู้ชนะในแต่ละประเภท
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติ-องค์การยูนิเซฟ ปี 2560 พบว่าไทยมีคนพิการประมาณ 3.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 5.5 ของประชากรประเทศ ดังนั้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มีโอกาสก้าวพ้นขีดจำกัดความพิการทางสมองและร่างกาย
ผู้สนใจสามารถร่วมชมและเชียร์ตัวแทนจากประเทศไทยได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ “Faculty of Engineering,Mahidol University” ในวันที่ 13 พ.ย. 2563 เวลา 22.00-02.00 น. และวันที่ 14 พ.ย. 2563 เวลา 19.00-21.00 น. โดยจะมีแบ่งการแข่งขันเป็นวันละ 3 ประเภท!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี