“ผู้การฯกาฬสินธุ์” ลงพื้นติดตามคดี “ผู้สูงอายุ” ถูกหลอกนำบัตรประชาชนซื้อโทรศัพท์พร้อมโปรโมชั่น ขณะที่ “ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์” กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ คาดมีผู้เสียหายหลายร้อยรายในหลายหมู่บ้าน ประสานบริษัทเครือข่ายมือถือชะลอฟ้องแล้ว
ความคืบหน้ากรณีผู้สูงอายุใน ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นับร้อยคนออกมาขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากถูกหลอกนำบัตรประชาชนไปแลกซื้อโทรศัพท์ พร้อมโปรโมชั่น จนได้รับหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานกฎหมายจากของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เรียกเก็บเงินค่าบริการรายเดือนเฉลี่ยรายละ 3,299 บาท และกำลังจะถูกฟ้องร้องในวันที่ 9 ธันวาคม 2563 กระทั่งนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ (ผวจ.กาฬสินธุ์) สั่งการให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบให้การช่วยเหลือและให้ดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดหลอกลวงอย่างเด็ดขาดตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ธันวาคม 2563) พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดี ภายหลังจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ และมีการทยอยเข้าแจ้งความเพิ่มเรื่อยๆ ล่าสุดรวมจำนวน 127 คน โดยมี พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ วีระศิริ ผกก.สภ.หนองกุงศรี พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.หนองกุงศรี รายงานความคืบหน้าของคดี
นอกจากนี้นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ยังได้ประสานงานให้ เรือโทเชาวเลิศ ประสพสันต์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือกฎหมาย และการบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเข้าติดตามปัญหาและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกุงศรี ได้เชิญตัวแทนชาวบ้านหนองหว้า หมู่ 9 , บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 และหมู่ 3 จำนวนกว่า 50 คน เข้าให้ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งส่วนใหญ่ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่าถูกบุคคลคนมาหลอกนำบัตรประชาชนไปให้ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในตัว อ.หนองกุงศรีลงทะเบียนซื้อเครื่องโทรศัพท์ พร้อมโปรโมชั่นบริการโทร.รายเดือน โดยได้เงินค่าตอบนำบัตรไปคนละ100-150 บาท ซึ่งทุกคนไม่ได้รับเครื่องโทรศัพท์ และไม่ได้ใช้บริการโทรายเดือน แต่กลับได้รับใบทวงหนี้ และกำลังจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในวันที่ 9 ธันวาคม นี้
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการล่าสุดแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกในเรื่องของคดีอาญา ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความรวมทั้งหมด 127 ราย แต่เท่าที่ตรวจสอบคาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก กระจายในหลายๆหมู่บ้าน ยอดผู้เสียหายยังไม่นิ่งและชัดเจน ดังนั้นในทางตำรวจจึงได้ประสานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้รวบรวมผู้เสียหายลงชื่อเข้ามาแจ้งความ และได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวบ ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะดำเนินการตามขั้นตอนในการเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเก็บบัตรประชาชน และผู้ที่นำบัตรไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์มาดำเนินคดีต่อไป
“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกุงศรี ได้ประสานไปยังบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแล้ว เบื้องต้นได้รับการตอบรับว่าทางบริษัทจะชะลอการส่งฟ้องดำเนินคดีกับชาวบ้านออกไปก่อน และจะดำเนินการตรวจสอบ จนกว่าจะแล้วเสร็จและมีความชัดเจนก่อนจะมีการพิจารณาร่วมกับกับส่วนราชการตามขั้นตอนต่อไป” พล.ต.ต.สมนึก กล่าว
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ 2 เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการบริโภคทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมรายชื่อผู้เสียหาย ส่งไปยัง สคบ.จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเชิญตัวแทนบริษัทมาร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป
ด้านนายจันทร์ ภูผาพลอย อายุ 63 ปี ชาวบ้านโคกเจริญ หมู่ 3 ต.หนองกุงศรี กล่าวว่า ตนก็ถูกหลอกเอาบัตรประชาชนไปลงทะเบียนทำสัญญาซื้อโทรศัพท์ และซิมโทร.แบบรายเดือน แต่ไม่ได้รับเครื่องและใช้บริการ กลับเป็นหนี้ 3,229 บาท และยังจะถูกฟ้องดำเนินคดีอีก จึงทุกข์ใจและเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่มีเงินใช้หนี้ จึงได้เข้าแจ้งความและขอความช่วยเหลือ เพราะเท่าที่ทราบไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุในบ้านโคกเจริญ หมู่ 3 , 10 และบ้านหนองหว้า หมู่ 9 จำนวนกว่า 200 คนเท่านั้นที่ถูกหลอก คาดว่าจะมีผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุในหมู่บ้านอื่นๆอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ยังไม่ทราบข่าวและยังไม่ได้ออกมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี