"ผู้ชายปรารถนาพุทธภูมิ ผู้หญิงปรารถนาพุทธภูมิ" คัดลอกจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๘๒-๘๗ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง) อ่าน 'ปฏิปทาพระโพธิสัตว์' ไม่หวังความสุขของตัวเอง มุ่งความสุขของผู้อื่น : หลวงพ่อฤๅษี ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : “หลวงพ่อครับ ผมดูหนังทางโทรทัศน์เรื่อง พระเวสสันดร ดูแล้วเกิดความเลื่อมใส นั่งดูด้วยความเคารพ โดยคิดว่าเป็นพระเวสสันดรองค์จริง เมื่อท่านให้ทานต่างๆ เพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ ผมก็ยกมืออนุโมทนาด้วยความยินดี และตั้งจิตอธิษฐานว่า…
“ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้อนุโมทนา ในการสร้างบารมีของพระเวสสันดรในครั้งนี้ แม้พระเวสสันดรได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเพียงไร ขอให้ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญบารมีจนครบถ้วน ๓๐ ทัศ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลองค์หนึ่ง เหมือนกับพระเวสสันดรด้วยเถิด”
กระผมอยากจะทราบว่า การตั้งใจปรารถนาของกระผมจะสำเร็จสมความตั้งใจไหมครับ…?”
หลวงพ่อ : “จะเริ่มเป็นพุทธภูมิทันทีเมื่อตัดสินใจ คือว่าเรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่นะ คนที่ถามนี่ใครนะ เข้มแข็งมากนี่ คือว่าเรื่องความปรารถนาพุทธภูมินี่ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ถ้าตั้งใจที่จะปรารถนาพุทธภูมิเป็นพระโพธิสัตว์เดี๋ยวนั้นนะ แล้วก็ถ้าตั้งใจแบบนี้นะ ถ้าคิดว่าจะไปนิพพานชาตินี้ต้องลาพุทธภูมิ
ความจริงปรารถนาพุทธภูมิดี…ดีมาก จะเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งเอาไหม แต่เคยเล่าทีไรมันได้แสนบาทนี่…(หัวเราะ)
คือว่ามีพระอรหันต์องค์หนึ่ง เป็นปฏิสัมภิทาญาณในสมัยพระพุทธเจ้า ฉันก็จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว ท่านมีสามเณรองค์เล็กๆ อายุ ๗ ขวบอยู่องค์หนึ่ง เวลาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านก็เอาเณรไปด้วย เวลาไปหาพระพุทธเจ้า ท่านก็กราบพระพุทธเจ้าหลายครั้ง
ต่อมาเวลาขากลับ เณรน้อยก็เดินตามหลัง เณรน้อยก็คิดว่าอาจารย์ของเราเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เป็นอรหันต์อันดับสูงสุด ในด้านของความสามารถอรหันต์อีก ๓ เหล่าสู้ไม่ได้ แต่ทว่าอาจารย์ของเรายังต่ำกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั่งสูงกว่า…สู้ไม่ได้ ต่อไปนี้เราปรารถนาพุทธภูมิดีกว่า เราคิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป พอแกคิดเสร็จ อาจารย์ก็หยุด บอก “เณร! เดินข้างหน้า”
เณรก็เดินไปเดินมาแล้วก็นึก เอ…เป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีมาก เป็นอรหันต์ปกติสาวกบำเพ็ญบารมีแค่ ๑ อสงไขยกับแสนกัปถึงจะเป็นอรหันต์ได้ พระพุทธเจ้าขั้น ปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป จึงเข้านิพพาน เราเป็นอรหันต์ธรรมดาดีกว่า อาจารย์บอก “เณร! เดินหลัง”
อาจารย์ทำแบบนี้ ๓ เที่ยว เณรก็ถามว่า “อาจารย์ครับ ประเดี๋ยวให้ผมเดินหน้า ประเดี๋ยวให้ผมเดินหลัง มันเรื่องอะไรกันครับ?”
อาจารย์ก็ถามว่า “ขณะที่ฉันให้เธอเดินหน้า เธอคิดอะไร?”
เณรบอก “ผมคิดอยากเป็นพระพุทธเจ้าครับ”
อาจารย์บอก “นั่นแหละ…มันเป็นกันตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มเป็นเมื่อคิด” ไปๆ มาๆ ไม่เอาดีกว่า เป็นสาวกดีกว่า
ก็รวมความว่า ถ้ามีความตั้งใจปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เริ่มเป็นพระโพธิสัตว์ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจ อย่าไปคิดว่ายังไม่เป็นนะ“
ผู้หญิงปรารถนาพุทธภูมิ
ผู้ถาม : “หลวงพ่อเจ้าขา ถ้าผู้หญิงจะปรารถนาพุทธภูมิบ้าง อย่างนี้จะปรารถนาแบบไหน…นานไหมเจ้าคะกว่าจะได้เป็น?”
หลวงพ่อ : “สองวันก็ได้เป็น!”
ผู้ถาม : “พุทธภูมินี่นะ…”
หลวงพ่อ : “ใช่…ความจริงประเดี๋ยวเดียวนะ แป๊บเดียวได้เลย”
ผู้ถาม : “ก็ไหนเขาบอกว่าต้องบำเพ็ญบารมีเป็นอสงไขยกับแสนกัป?”
หลวงพ่อ : “ไม่ใช่หรอก…มีปากกาด้ามหนึ่ง กระดาษแผ่นหนึ่งเขียน พุทธภูมิ ได้เลย ก็บอกแค่ปรารถนานี่…ไม่ได้บรรลุนี่”
ผู้ถาม : “แหม …เสียท่า!”
หลวงพ่อ : “คือ ปรารถนาพุทธภูมิได้ จะบรรลุเมื่อไร ฉันพยากรณ์ไม่ได้หรอก ถ้าเราปรารถนาพุทธภูมิยังว่าลอยๆ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ใช่ไหม…ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ…มีคติแน่นอน
ถ้าเป็น ปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าเป็น ศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าเป็น วิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก…จะเป็นไหม…?
ก็เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน อย่าไปคิดว่าของเขาจะช้า เพราะกำลังเขาพอใช่ไหม…”
ผู้ถาม : “ครับๆๆ มิน่าเล่าเจอพระบางองค์ พอคุยถึงเรื่องมโนมยิทธิ โอ๊ย! ไม่ดีหรอก…เราปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ อย่าไปคุยเรื่องนั้นเลย”
หลวงพ่อ : “ดี…ดีมาก”
ผู้ถาม : “แสดงว่า…”
หลวงพ่อ : “พระยายมเขาจะได้ไม่ว่างไง!”
ผู้ถาม : “ทำไมล่ะครับ…?”
หลวงพ่อ : “ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง ถ้าคนจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด”
ผู้ถาม : “รู้หมดที่หลวงพ่อว่านี่หมายความว่า…”
หลวงพ่อ : “คือหมายความว่า ถ้า บารมียังต่ำ ขั้นต่ำฌานโลกีย์ยังคุมไม่ถึง ฌานขั้นต้นฌานก็ไม่มั่นคง ใช่ไหม…ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ต่อมาถ้าบารมีเป็น อุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็น ปรมัตถบารมี นี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยได้แต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ! ฉันลองดูแล้ว”
ผู้ถาม : “เป็นยังไงครับ…?”
หลวงพ่อ : “แหม…ไม่มีเหงื่อจะไหล มันไหลเสียจนหาเหงื่อไหลไม่ได้”
ผู้ถาม : “โอ หนักจริงๆ นะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี