คนที่ติดตามสำนักข่าวตะวันตกและทวิตเตอร์ของฝรั่งขี้นกที่เสนอข่าวเหตุการณ์ในพม่าและความเคลื่อนไหวคณะสามสัส สามกีบในไทย จะพบว่าสื่อตะวันตกและฝรั่งขี้นกยังหลงภูมิใจอยู่ในความรุ่งโรจน์ในอดีต จนลืมไปว่าในสังคมยุคใหม่ใครก็สามารถเป็นสื่อได้ และเสนอข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกันและอาจทำได้ดีกว่าฝรั่งที่หลงภูมิใจอยู่กับความรุ่งโรจน์ในอดีต ที่ทำปฏิบัติการข่าวอย่างมีอคติ
ในประเทศไทย ปฏิบัติการข่าวฝรั่งตะวันตก คือพวกฝรั่งขี้นกหัวแดง พวกเอ็นจีโอ นักวิชาการรับเงินจาก NED และ Freedom house ของนายจอร์จ โซรอจ ยังหัวปักหัวปำอยู่กับการทำ IO เชียร์สามกีบทั้งที่กระแสในเมืองไทยไม่เหลือติดดิน
ในเวลาเดียวกันการทำ IO ในพม่า จะพบว่าข่าวที่ออกมาเป็นข่าวปั่นกระแสทางทวิตเตอร์ฝรั่งทั้งนั้น โดยที่มีคนพม่าที่ฝักใฝ่ฝรั่งหรือไม่ก็ทำงานในสถานทูตสถานกงสุลตะวันตกส่งข้อมูลให้ เช่น ข่าวผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของนายพลมิน อ่อง หล่าย ทวิตเตอร์และสื่อตะวันตกทำให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากและเกิดความรุนแรง
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. สำนักข่าวเอพีทำรายงานพิเศษยาว 1,000 คำ (ปรกติไม่เกิน 400 หรือ 200 คำ)โดยพาดหัวเท่าหม้อแกงว่า
# “ทหารเปิดฉากยิงขับไล่ผู้ประท้วงอารยะขัดขืนต่อต้านปฏิวัติรัฐประหาร”#
อ่านพาดหัวแล้วตกใจ แต่พออ่านไปพารากราฟที่สามพบว่า
# “ทหารยิงหนังสติ๊กไปอย่างไร้ทิศทางและทหารบางคนเล็งปืนขึ้นฟ้า”#
มิน่าถึงไม่มีรายงานคนเจ็บคนตาย ข่าวการชุมนุมมีคนยี่สิบสามสิบคน มันตัดต่อวีดีโอให้เป็นคนจำนวนมากหมุนวนไป
# “หมอในโรงพยาบาลรัฐคนหนึ่งหนีงานหลบอยู่ในบ้านให้สัมภาษณ์ฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษ ทำเป็นคลิปออกมาว่าโรงพยาบาลของรัฐปิดให้บริการร้อยเปอร์เซ็นต์”#
ในขณะที่สื่อตะวันตกโซเชียลฝรั่งปั่นกระแสประโคมข่าวผู้คนประท้วงอารยะขัดขืนเป็นหมื่นเป็นแสนทุกวัน แต่คนในพื้นที่แหล่งข่าวที่ติดตามสถานการณ์มานานบอกเราว่าในไม่ช้าผู้ประท้วงก็ฝ่อไปเอง
“การประท้วงไม่มีแกนนำ ไม่มีการจัดตั้งที่ดี ที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทยไม่มีนายทุนใหญ่ให้เงินสนับสนุนผู้ประท้วง...เอ็นจีโอ ภาคประชาสังคมมีน้อยมาก เงินสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศแทบไม่มีเลย..ทุกคนช่วยตัวเองเชื่อว่าไม่นานม็อบก็ฝ่อไปเอง...
“ทุกคนคดห่อข้าวมากินเอง มีคนมาแจกของน้อยมากเพราะต่างคนต่างจน ยิ่งพวกหนีงานมาประท้วงถูกตัดเงินเดือน ยิ่งมีรายได้น้อยอยู่แล้วไม่นานต้องเลิก..”
“เรื่องจะใช้กลุ่มชาติพันธุ์มาช่วยเรอะ กลุ่มชาติพันธุ์เขาสนใจแต่เขตเขาเอง เขาสนใจแต่เรื่องปกครองตนเอง เรื่องสหพันธรัฐ ยิ่งเวลานี้กลุ่มชาติต่างหวังว่า มิน อ่อง หล่ายซึ่งเริ่มต้นแผนการหยุดยิงกับกลุ่มชาติพันธุ์ตั้งแต่ปี 2015อาจทำสำเร็จคราวนี้...”
ทั้งนี้ “มิน อ่อง หล่าย” เมื่อคราวเป็นทัพภาคตะวันออกได้ริเริ่มแผนการหยุดยิงซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธ 12 กลุ่มลงนามเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ “ว้า” และกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ติดชายแดนจีนยังไม่ยอมลงนาม
โดยเฉพาะกลุ่มว้า ว่ากันว่ามีกำลังติดอาวุธใหญ่ที่สุดถึง 25,000 นาย ส่วนทางกะเหรี่ยง มอญ ยะไข่นั้น นายพลมิน อ่อง หล่าย เริ่มใช้แผนการแบ่งแยกแล้วปกครอง โดยตั้งแต่ยึดอำนาจวันที่ 1 ก.พ. วันที่ 2 ก.พ. นายพลมิน อ่อง หล่ายแต่งตั้งให้มานห์ ยิน หม่อง หนึ่งในแกนนำกะเหรี่ยง KNU เป็นสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐ SAC ในวันเดียวกันโฆษกพรรคอาระกัน เนชั่นแนลิสต์ (ANP) ปาร์ตี้ประกาศว่า SAC มีมติให้ ANP เป็นสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐ
และวันที่ 6 ก.พ. นายอะโย หม่อง หัวหน้าพรรคANP ที่ถูกขังคุกตั้งแต่ปี 2019 เพราะปราศรัยโจมตี นางออง ซาน ซู จี ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากคุกพร้อมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ รวม 23,134 คน ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือแผนการแบ่งแยกแล้วปกครอง
นอกจากพรรคยะไข่ชาตินิยม พรรคคะฉิ่น (กะเหรี่ยง)เคเอนยูแล้ว SAC ยังเชิญพรรคมอญสามัคคี (MUP) เข้าเป็นสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐด้วย
นายป่านย๋า อ่องโม โฆษก MUP กล่าวว่า “ไม่มีใครยอมรับเผด็จการทหาร แต่ MUP จำเป็นต้องหาข้อสรุปบนโต๊ะเจรจาเพื่อเมียนมาเป็นสหพันธรัฐตามที่กลุ่มชาติพันธุ์ต้องการ..”
กลุ่มชาติพันธุ์และนักสังเกตการณ์ชาวพม่า วิเคราะห์สถานการณ์ในเชิงบวกเป็นเสียงเดียวกันแต่สื่อและฝรั่งตะวันตกยังดันทุรังทำปฏิบัติการข่าวแบบยุคสงครามเย็นอีก
วันที่ 17 ก.พ.2564 ฝรั่งโพสต์ทวิตเตอร์ให้ตกใจอีกว่า
“นองเลือดทหารไทใหญ่เหนือเลือดในรัฐฉาน..ทหารไทใหญ่ใต้ RCSS/SSA ที่ถูกทหารไทใหญ่เหนือ SSPP/SSA สังหาร 18 ศพ ในสมรภูมิสีป้อ แขวงจ๊อกแมเมื่อ 15 ก.พ.2564 #พม่า #รัฐฉาน# #โฆษกไทใหญ่ใต้RCSS/SSA ออกแถลงการณ์แล้วว่าเป็น fake news แต่สื่อฝรั่งก็ยังหลอกกันเองอยู่นั่นแหละ#
จากประสบการณ์ทำข่าวในพื้นที่มานานพูดได้เต็มปากว่าเป็นไปไม่ได้เลย พื้นที่ของไทใหญ่เหนือกับไทใหญ่ใต้อยู่ห่างไกลกันมากโอกาสที่จะปะทะกันซึ่งหน้าเป็นศูนย์ นอกจากนั้นมีกองกำลังปะหล่องกั้นอยู่กลางอีกฝ่าย ใครแหลมต้องฉะกับปะหล่องก่อน
และอย่าลืมสมรภูมิเป็นป่าเขา เวลาชนกลุ่มน้อยเขาปะทะกันเขานิยมใช้ปืนครก ปืนใหญ่ยิงกันระยะไกล กระสุนปะทะต้นไม้ภูเขาเป็นส่วนใหญ่เหมือนหนังไทยคือยิงถูกต้นไม้โอกาสตายเป็นสิบไม่เคยเห็น
“สามสิบห้าปีก่อนทหารกะเหรี่ยงที่มาเนอร์ลอว์ บอกเราว่าเวลาเครื่องพม่ามา ถี้ระเบอะ ถี้ระเบอะจี่จี้ (เวลาเครื่องบินพม่ามาทิ้งระเบิด เอาระเบิดมาทิ้งจริงๆ) สรุป
คือปฏิบัติการของฝรั่งส่วนใหญ่คล้ายกับยิงภูเขาเผากระท่อม เหตุการณ์ประท้วงและชาติพันธุ์ปะทะกันไม่ได้ร้ายแรงรุนแรงเหมือนพวกมันจินตนาการ”
สุทิน วรรณบวร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี