ห้ามประชาชนและนักท่องเที่ยวทดลองดื่มน้ำดิบพุโซดา ห้วยกระเจา กาญจนบุรี ให้รับน้ำในส่วนที่ผ่านการกรองได้มาตรฐานน้ำดื่มแล้วมาดื่มเท่านั้น ขณะที่ชาวบ้านเฮ! ต่อเนื่องหลังพบน้ำบาดาลเพิ่มอีก 3 บ่อ แต่ไม่พุ ด้าน นทท.หนุนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน
นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) เปิดเผยถึงบ่อน้ำบาดาลน้ำพุโซดาในพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรีว่า บริเวณน้ำพุโซดาบ่อที่ 2 ที่เคยให้ประชนได้ทดลองชิมน้ำดิบนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการปรับรูปแบบใหม่และดำนินการปรับภูมิทัศน์โดยรอบบ่อน้ำบาดาลเพื่อให้มันดูดีขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาท่องเที่ยวและมารับน้ำโซดาที่เราแจกจ่ายกลับไป
ส่วนน้ำดิบพุโซดาที่ยังไม่ผ่านกระบวนการการกรองขณะนี้เราไม่อนุญาตให้ประชาชนได้ทดลองชิมแล้ว โดยเราอนุญาตให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมารับน้ำในส่วนที่ผ่านกระบวนการการกรองที่ได้มาตรฐานน้ำดื่มแล้วเท่านั้น โดยจะแจกจ่ายให้กับประชาชนคนละ 500 ซีซีตามเดิมโดยสามารถมารับน้ำได้ที่บริเวณโรงกรองน้ำของเรา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการกรอกน้ำให้ครบทุกคนที่มา
สำหรับจำนวนปริมาณของประชาชนและนักท่องเที่ยวจนถึงขณะนี้นั้นพบว่าในช่วงวันธรรมดามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอย่างน้อยวันละ 1,500-2,000 คน ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านยังคงมีตัวเลขของนักอยู่ที่ประมาณวันละ 5,000 คนขึ้นไปจะพบได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้ลดน้อยลง
นายทนงศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า ปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ทำการสำรวจและเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา เพิ่มอีก 4 บ่อ แต่ละบ่อลึกมากกว่า 100 เมตร ผลประกฎว่าได้น้ำบาดาลแล้ว 3 บ่อ และแต่ละได้น้ำมากกว่า 40 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่น้ำที่ได้ทั้ง 3 บ่อนั้นไม่พุ
ส่วนกรณีที่ได้มีการประชุมกับทางจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานั้นที่ประชุมสรุปได้ว่าจะให้ทาง อบจ.เข้ามาดำเนินการปรับสถานที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเน้นให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากน้ำแร่ โดยมีคณะทำงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคณะทำงาน
ถามว่าหากมีการจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วจะยังคงสภาพให้น้ำพุพวยพุ่งขึ้นมาเช่นเดิมหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบในส่วนของน้ำพุอยู่เช่นกัน ส่วนจะยังให้คงพุอยู่ต่อไปหรือไม่นั้นคงจะต้องมีการพูดคุยกันในระดับคณะทำงานว่าเราจะคงลักษณะพื้นที่ หรือการพัฒนาพื้นที่จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งจะเป็นเรื่องของการพูดคุยกันในอนาคต โดยปัจจุบันนายศักดิ์ วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้มีข้อสั่งการลงมาโดยเน้นย้ำเกี่ยวกับความสะอาดของพื้นที่บริเวณโดยรอบ รวมทั้งเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์น้ำดื่มให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มทุกวัน ซึ่งอธิบดีฯได้สั่งการมาให้นำรถปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำบาดาลเคลื่อนที่มาประจำในพื้นที่ทุกคน
สำหรับน้ำแร่โซดาเพื่อรอแจกจ่ายให้กับประชาชนนั้นปัจจุบันเรามีอัตราการผลิตอยู่ที่ 500 ลิตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าภายใน 1 วันหากเราผลิตน้ำอยู่ที่วันละ 2,000 ลิตรก็จะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ประมาณ 4,000 คน แต่ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับจำนวนคน ถ้ามีคนมาเที่ยวเป็นจำนวนมากเราก็สามารถผลิตได้มาก ขึ้นอยู่กับจำนวนของประชาชนที่มาในแต่ละวัน
"ก็ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยมา หรืออยากจะมาชิมน้ำพุโซดาที่ผ่านการกรองสามารถเดินทางมาได้ทุกวัน แต่อยากฝากไปถึงผู้ที่จะเดินทางมารับน้ำ ท่านสามารถรับน้ำแร่โซดาได้เพียงคนละ 500 ซีซีเท่านั้น และก็ไม่ควรดื่มเกินวันละ 500 ซีซี เพราะในแต่ละวันทุกคนได้รับแร่ธาตุที่เป็นอาหารจากส่วนอื่นที่เพียงพออยู่แล้ว"
ด้านนายศิริพงษ์ พัฒนกุลเกียรติ นักท่องเที่ยวชาว กทม.กล่าวว่า ตนมาทำธุระที่อำเภอพนมวน หลังจากทำธุระเสร็จก็ได้พาแม่มาเที่ยวและทดลองดื่มน้ำแร่โซดาที่ผ่านการกรอง ซึ่งก็มีรสชาติซ่าคล้ายโซดาที่เปิดฝาชวดค้างคืนเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของชาวตำบลห้วยกระเจา และจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เจาะพบน้ำแร่โซดาที่เป็นธรรมชาติที่สามารถดื่มได้ด้วย อีกทั้งยังทำให้พื้นที่มีความคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก และหลังจากมีเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาก็เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้ด้วย
"ที่สำคัญหากมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมากเพราะจะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพกระจายรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รวมทั้งสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) และผู้ที่เกี่ยวข้องที่พลิกแผ่นดินที่เคยแห้งแล้งมาอย่างยาวนานให้กลับกลายเป็นพื้นที่ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ คาดว่าอีกต่อไปพื้นที่แห่งนี้จะไม่แห้งแล้งต่อไปอีกแล้ว" นายศิริพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี