"ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย" ผู้ก่อตั้งมูลนิธิธรรมดี ซึ่งมีภารกิจสำคัญ 2 ภารกิจสำคัญคือภารกิจที่หนึ่ง จัดทริปท่องเที่ยวภายใต้ โครงการ "บนเส้นทางแห่งศรัทธา" ผ่าน "ธรรมดีทัวร์" เพื่อตามรอยพ่อแม่ครูฯ องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่พระกัมมัฎฐานสายวัดป่า โดยองค์หลวงปู่มั่นได้รับการยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก้ (UNESCO) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ระหว่างปี 2563-2564 และภารกิจที่สอง คือ จัดโครงการ "ตามรอยพระราชา" ผ่าน "มูลนิธิธรรมดี"
ดร.ดนัยเล่าว่า จริงๆ แล้วประเทศไทยของเรามีสิ่งที่พิเศษมากที่ทั่วโลกไม่มี ประเทศไทยมีวัดจำนวนมากถึง 40,000 กว่าวัด ซึ่งเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยได้ไปถึง 40,000 วัด แต่ 40,000 วัด จะมีวัดที่น่าเข้าไปมากๆ ก็จะเป็นสายวัดป่า สายหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งก็สืบสายลงมา
"ถามว่าที่เราไปได้ประโยชน์หลายมิติ หลายมุม เราได้ท่องเที่ยว วันนี้ เราอยู่ในกรุงเทพฯ หรือเราอยู่ในภาวะที่มีวิกฤตอย่างนี้เราก็อยากที่จะทำให้จิตใจของเรา มีความสงบ มีความสบาย แล้วก็มีความเบิกบาน ที่นี้ การที่เราได้มีโอกาสได้ท่องเที่ยวไปตามวัดป่าต่างๆ เหล่านี้ หนึ่ง คือ ได้ความสุขทั้งทางกายและทางใจ และที่สำคัญ มันไม่มีอะไร ไปมีแล้วเนี่ย สิ่งที่มีคือ ธรรมชาติ มีต้นไม้ วัดป่าแต่ละวัด หลายๆ ท่านเคยไป พื้นที่เป็นพันไร่ ท่านก็มีหน้าที่ช่วยดูแล รักษาอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีแต่ต้นไม้ จะไม่มีสิ่งที่เป็นวัตถุ โบราณวัตถุ หรือ ว่าจะเป็นศาสนวัตถุมีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่ เน้นเรื่องการปลูกต้นไม้ ทีนี้ เมื่อเราเข้าไปอยู่ในธรรมชาติ ตัวเราเองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จิตใจเราเองก็คล้ายๆ มันได้รับการเยียวยา ใจเรามันก็กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มันเป็นการฮีลลิ่ง (healing) เป็นการรักษาจิตใจอย่างดีที่สุด" ดร.ดนัยเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
ดร.ดนัย ยังเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำโครงการทั้งสองโครงการนี้ขึ้นมาว่า เราอยากจะได้เดินตามรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ฯ ที่ท่านได้เป็นที่เคารพยกย่องของคนทั่วโลก อย่างเช่น องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลก ในสาขาสันติภาพในขณะที่องค์ท่านเอง ไม่ได้แสวงหาลาภยศสรรเสริญ ไม่มีเลยตลอดชีวิตของท่าน และ เน้นการเผยแพร่ธรรม
โดยองค์หลวงปู่มั่นจะจาริกธุดงค์ไปป่าตามเขา แล้วก็อยู่ไม่เป็นที่ ที่ไหนสบายท่านก็ไม่อยู่แล้ว ตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจว่า เราเกิดมาแล้ว เราก็โชคดีที่จะได้มีโอกาสเดินตามรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ฯ ไปดูว่าสถานที่ที่ลำบากอย่างนั้น สถานที่ที่ไม่มีอะไร แต่สามารถสร้างอริยบุคคลได้อย่างไร อีกแนวหนึ่งก็คือ ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 เราใช้ชื่อโครงการว่า "ตามรอยพระราชา" ซึ่งก็เช่นเดียวกันว่า วิสัยแห่งปราชญ์ ปราชญ์ก็คือ พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าประสูติในป่า ตรัสรู้ในป่า แสดงพระปฐมเทศนาในป่า เสด็จดับขันธปรินิพพานในป่า นี่คือ เราเห็นเบอร์หนึ่งของสามโลก คือ พระพุทธเจ้า ทั้งหมดอยู่ในป่าหมดเลย
ดูพระเจ้าอยู่หัวฯของเราท่านก็ทรงงานสิบเดือน จากสิบสองเดือนในแต่ละปี อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร เพราะฉะนั้น เราเป็นลูกหลาน เราเป็นคนไทย เราก็ต้องไปแสวงหา สิ่งที่เรียกว่ายิ่งใหญ่แบบนั้น ในสถานที่แบบนั้น เราจะได้ค้นพบอะไร แล้วสิ่งที่สำคัญได้กลับมาค้นพบตัวเอง ค้นพบความจริงอันประเสริฐ สัจธรรมที่แท้ ที่มันอยู่ในตัวเรา ในกายในใจเรา ถามว่าในสภาพบ้านเมืองที่เจริญ เราจะหาตัวเราเจอได้อย่างไร ถ้าไปเดินอยู่ในห้าง มีของล่อยั่วยวนใจเต็มไปหมด แต่ในที่ที่สัปปายะ ธรรมชาติแบบนั้นจะเห็นใจตัวเรา แล้วสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก คือได้เดินตาม ทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ฯสายวัดป่าก็ดี หรือ ว่าตามรอยในหลวงก็ดี ของพระองค์ท่านเนี่ยครับ เป็นเส้นทางที่เราควรจะต้องเดินอย่างยิ่ง ภาษาอังกฤษ ขาเรียกว่า เดอะ โรด เรส ทราเวิล ( The Road less traveled)
"เดอะ โรด เรส ทราเวิล" ( The Road less traveled) หมายถึงว่า เส้นทางที่มีผู้สัญจรน้อยกว่า เส้นทางนั้นย่อมสร้างความยิ่งใหญ่ และ แตกต่าง แต่ถ้าเราเดินไปในเส้นทางที่คนทั้งหมดก็เดิน เหมือนกับติดกันอยู่บนทางด่วน ทุกคนก็อยู่ด้วยกัน ก็ถามว่า แล้วเราจะมีชีวิตที่แตกต่างได้อย่างไร อันนี้คือ แรงบันดาลใจครับ แล้วไปทุกครั้งมันเห็นชัดเจนว่า พลังชีวิตของเรามันทวีขึ้นมามหาศาลเลย สุขภาพกายดี สุขภาพใจดี เพราะว่ามันได้ออกกำลังกายด้วย มันได้เดินในที่ที่ไม่สะดวกสบาย มาอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรใช่ไหมครับ แล้วเราก็มองย้อนกลับไป นี่แหละ เป็นที่ที่สร้างอริยบุคคล ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์ นับองค์ไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอริยบุคคล และผู้ทรงคุณอันประเสริฐ
"อย่างเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่เก้า ของพวกเราครับ วันนี้ผมก็เลยลุกขึ้นมาทำเส้นทางแบบนี้ เราก็ใช้คำว่า บนเส้นทางแห่งศรัทธา นะครับ ถ้าเป็นทริปที่ไปตามรอยพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เราก็ใช้รูปแบบธรรมดีทัวร์ ก็จัดไปเลย มีการปฏิบัติธรรม มีการเดินจงกรมกันบนชายหาด ไปที่ไหนเราก็ปฏิบัติได้หมด เพราะว่าการปฏิบัติธรรม จำเป็นจะต้องสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา คือ มันไม่ควรจะจำกัดว่า ทำได้เฉพาะที่นี้ ที่นี้ เท่านั้น แสดงว่าธรรมะนั้นยังไม่ใช่ของจริง ธรรมะของจริงต้องตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราก็เลยได้ประยุกต์กับธรรมะตรงนี้ มาใช้กับการท่องเที่ยว เป็นการท่องเที่ยวแบบธรรมดีทัวร์ไป เส้นทางหนึ่ง อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเรื่องขอตามรอยพระราชา"
ดร.ดนัย นับเป็นหนึ่งในไอดอล (idol) ในสังคมไทยที่ชื่นชอบการปฏิบัติธรรม และการทำความดีเพื่อส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนา ทำให้โครงการต่างๆ ของคุณดนัยประสบความสำเร็จ โดยล่าสุด ปอป้อ - ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย และ บาส - เดชาพล พัววรานุเคราะห์ สองนักกีฬาแบดมินตัน ประเภทคู่ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และความภาคภูมิใจให้แก่คนไทยทั้งประเทศ ได้เข้าร่วมโครงการ "มาฆบูชา ปฏิบัติภาวนา" กับมูลนิธิธรรมดี ณ เมืองโบราณ ระหว่างวันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยทั้งคู่ได้รับการดูแลทางด้านร่างกายและจิตใจ โดย ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ ซึ่งท่านเป็นอาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ ประจำศูนย์ฝึกเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ (SCG แบดมินตัน อะคาเดมี่)
บาสเล่าว่า ดร.เจริญ เห็นความสำคัญการดูแลใจควบคู่ไปกับการดูแลกายด้วย และตั้งแต่ อาจารย์เจริญ เข้ามาทำหน้าที่ อาจารย์เจริญได้พาไปทำบุญ ไปวัดต่าง ๆ เพราะท่านอยากให้เราฝึก ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกรม นั่งสมาธิ การฝึกเรื่องเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกตัวมากขึ้น สิ่งสำคัญของแบดมินตันจะมี 3 เรื่อง คือ ด้านทักษะแบดมินตัน ด้านร่างกาย และด้านจิตใจที่ต้องควบคู่กันไป ครั้งนี้ได้มาฝึกทางด้านจิตใจ สิ่งที่ได้คือเรื่องของความอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปยึดติดกับอดีต หรือไปคิดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นเพราะจะทำให้เราทุกข์และพระอาจารย์ฯยังได้สอนเรื่องการใช้ชีวิตปกติทั้งนอกสนามและในสนามเวลาแข่ง เวลาในสนามเวลาเรากดดันเราต้องรู้สึกตัวให้มาก ๆ ทำให้ความกดดันที่มีให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะชนะคู่แข่ง
ปอป้อ เสริมว่า การปฏิบัติภาวนา ทำให้ได้เรื่องความรู้สึกตัวจากความเคยชิน นำใปใช้ตอนซ้อมได้ บางทีการมีชีวิตประจำวันแบบวนไปเรื่อยๆ ซ้อมเวลาเดิม ทำทุกอย่างตามเดิม วอร์มท่าเดิม ๆ ต่อไปก็จะต้องควบคุมท่าทางให้รู้สึกตัวตลอดว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ หรือบางทีเราซ้อมแล้วรู้สึกเบื่อ สมาธิ สติ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว การฝึกสมาธิ เดินจงกรม ทำให้เรามีระยะการซ้อมได้นานขึ้น ซึ่งในการแข่งขันจะต้องขจัดปัญหาเรื่องของอารมณ์ พยายามใจเย็นให้มากขึ้น ทุกคืนจะพยายามสวดมนต์
ทั้งคู่เพิ่งคว้ารางวัล แชมป์โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น และ HSBC เวิล์ดทัวร์ ไฟนอล 2020 มาหมาดๆ ซึ่งแน่นอนกว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนักมาก แต่สิ่งหนึ่งที่นักแบดมินตันคู่นี้ให้ความสำคัญไม่แพ้การฝึกซ้อมนั่นคือ การดูแลกายใจด้วยธรรมะ อันเป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังความสำเร็จ และ เคล็ดลับของนักแบดมินตัน ประเภทคู่ระดับโลก ดังนั้น การที่นักกีฬาได้มีโอกาสเดินตามคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ไปปฏิบัติธรรม นับเป็นโอกาสที่จะได้นำธรรมะมาพัฒนาการฝึกซ้อมแบดมินตัน และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี