ที่วัดป่าศรีสุขเกษม ตั้งอยู่ถนนอรุณประเสริฐ ถนนสายหลักไปกรุงเทพมหานคร บ้านนาห้วยยาง –สองคอน ต.โนนโพธิ์ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ห่างตัวเมืองอำนาจเจริญทางทิศตะวันตก ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นวัดป่าสังกัดธรรมยุตินิกาย พระใบฎีกาธวัชชัย เตชวโร อายุ 80 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุขเกษม บวชมาแล้ว 60 พรรษา ปกครองพระลูกวัด 9 รูป กุฏิ 10 หลัง บนเนื้อที่ 24 ไร่เศษ ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาชนิด สงบร่มรื่น เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรม ที่ผ่านมา พุทธศาสนิกชนนิยมเข้ามาผักผ่อนหย่อนใจและฝึกปฏิบัติทำสมาธิเป็นประจำ
สำหรับพระพุทธองค์สัมมาสัมโพธิญาณ ประดิษฐานอยู่ภายในวัดป่าศรีสุขเกษม ตั้งตระหง่านสีเหลืออร่ามอยู่ริม ถนนสายหลัก(อรุณประเสริฐ) เป็นที่สะดุดตาผู้ที่ผ่านไปมาอย่างยิ่ง ด้วยความสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 9 เมตร ลักษณะปางมารวิชัย นาถิ(ท้อง)บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนฐานด้านล่างองค์พระ เป็นห้องโถงภายในประดิษฐานพระประธานและภาพวาดประวัติพระพุทธเจ้าที่ผนังด้านข้างพร้อมคำอธิบายพอให้เข้าใจ เห็นแล้วสวยงามมาก ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ท่านพระราชทานนามพระพุทธรูป เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 40 และนายชวน หลีกภัย เป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยทุนทรัพย์จากแรงศรัทธาของชาวบ้านนาห้วยยางและบ้านใกล้เคียงร่วมกันก่อสร้างเป็นเงิน 4,999,999 บาท เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมทางศาสนาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจรวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและท่องเที่ยวอีกด้วย
นอกจากนี้ยังกันพื้นที่ส่วนหนึ่ง ขุดบ่อเลี้ยงปลาตามธรรมชาติ โดยมีปลาทุกชนิดและกำหนดให้เป็นเขตอภัยทานด้วย ซึ่งที่ผ่านมีพุทธศาสนิกชนนำปลาหลากหลายชนิดมาปล่อย เพื่อเป็นการทำบุญสร้างกุศล
ทั้งนี้ วัดป่าศรีสุขเกษม ประดิษฐาน พระพุทธองค์สัมมาสัมโพธิญาณ ในวันสำคัญทางทางศาสนา บรรดาพุทธศาสนิกชน จะร่วมกันจัดกิจกรรม ทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวันที่ 9 มกราคม 60 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองนมัสการองค์พระฯอย่างยิ่งใหญ่ และยังเป็นงานบุญประเพณีที่จะต้องจัดเป็นประจำทุกปีอีกด้วย
พระใบฎีกาธวัชชัย เตชวโร เจ้าอาวาสวัดศรีสุขเกษม เทศนาตอนหนึ่งในเรื่อง กรรมว่า ตามปกติส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า กรรม คือ เรื่องของการกระทำชั่ว หรือความชั่ว ความเลวร้าย แต่ความจริง กรรม เป็นคำกลางๆ ไม่ดีไม่ร้าย การจงใจทำชั่วก็จัดเป็นกรรมชั่ว กรรมจึงมีความหมายได้ทั้งทางดีและทางชั่ว การทำกรรมดี เรียกว่าสร้าง “กุศลกรรม” ส่วนทำความชั่ว เรียกว่า “อศุลกรรม” แต่ส่วนใหญ่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ว่าเป็นในทางไม่ดีหรือกรรมชั่วเสียมากกว่า มักเรียกว่า “เวรกรรม”
พระพุทธองค์ตรัสว่า เรื่องที่เข้าใจยากสี่เรื่อง ซึ่งปุถุชนไม่ควรนำมาคิด ให้รกสมอง คือ
1. เรื่องพุทธวิสัย คือ เรื่อง อัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า หรือความสามารถพิเศษของพระพุทธองค์
2. เรื่องฌานวิสัย คือ อัจฉริยภาพ หรือ ความสามารถพิเศษของคนที่ฝึกจิตมาเป็นอย่างดี
3.เรื่องกรรมวิบาก คือ การให้ผลของกฎแห่งกรรม
4. เรื่องของโลกจินตา คือ การคิดปัญหาอภิปรัชญา เช่น โลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นผู้สร้างโลก
ทั้ง 4 เรื่องนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็น “อจินไตย” เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาขบคิด (แต่ไม่ได้ห้ามคิด) เพราะชวนให้ฟุ้งช่าน ทำให้เสียเวลาเปล่า ไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆในชีวิต เพราะเป็นเรื่องที่เหนือสามัญวิสัย พิสูจน์ได้ยาก ใครมัวขบคิดหรือหาทางพิสูจน์อยู่ ไม่ทันรู้ความจริงก็อาจตายเสียก่อน หรืออาจเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่นำไปสู่ความดับทุกข์ได้
ทั้งนี้ วิธีแก้กรรมตามหลักพุทธศาสนา ก็คือการละความชั่วด้วยความดี ไม่ได้ละความชั่วเข้าพิธีสารภาพหรือไถ่บาป หรือ อาบน้ำชำระบาป พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่า หากจะอาบน้ำชำระบาป ก็จงอาบน้ำแห่งความดีงาม ทางกาย วาจา และใจ จะดีกว่า และได้ผลดีกว่าอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี