“สงกรานต์” เป็น 1 ใน 2 เทศกาลหยุดยาวที่ทุกๆ ปีคนไทยซึ่งทำงานอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะได้เดินทางกลับบ้านไปพบหน้าและร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัว เติมพลังใจให้กันและกันก่อนจะกลับมาสู้ชีวิตกันต่อไป กระทั่งการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ได้ทำให้ภาพของสงกรานต์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะไม่มีการเล่นสาดน้ำประแป้งแล้ว แม้แต่การเดินทางกลับภูมิลำเนาก็ยังเป็นที่ลังเลของใครหลายคน เพราะบุตรหลานวัยแรงงานกลัวจะนำเชื้อไปแพร่ใส่ญาติผู้ใหญ่สูงวัยที่เคารพรัก
สถานการณ์การระบาดระลอกล่าสุดเริ่มปรากฏเป็นข่าวเมื่อต้นเดือน เม.ย. 2564 โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อในกรุงเทพฯ ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปกว่า 40 จังหวัด ดับฝันธุรกิจภาคการท่องเที่ยวที่หวังจะได้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกันในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ 2564 มาต่อลมหายใจระหว่างรอเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สื่อมวลชนรายงานข่าวประชาชนจำนวนมากยกเลิกการจองโรงแรมและคืนตั๋วโดยสารทั้งรถไฟและรถทัวร์ ขณะที่บางจังหวัดตั้งการ์ดสูง กำหนดให้คนมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลต้องกักตัว 14 วัน
ถึงกระนั้น ผู้คนอีกไม่น้อยยังคงตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนา ดังที่ทีมงาน “สกู๊ปแนวหน้า” ตระเวนสำรวจสถานีขนส่งหลายแห่งในช่วงบ่ายถึงค่ำของวันศุกร์ที่ 9 เม.ย. 2564 อันเป็นวันสุดท้ายของการทำงานก่อนจะหยุดยาวตั้งแต่ 10-15 เม.ย. 2564 เริ่มกันที่ “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ซึ่งต้องบอกว่า สงกรานต์ 2564 คงจะเป็นสงกรานต์ครั้งสุดท้ายของที่นี่ เพราะตามแผนของกระทรวงคมนาคม ต้องการย้ายชุมทางรถไฟหลักของกรุงเทพฯ ไปที่ สถานีกลางบางซื่อ ภายในเดือน พ.ย. 2564 ปิดตำนานสถานีรถไฟเก่าแก่ที่รับใช้คนไทยมากว่า 1 ศตวรรษนับตั้งแต่ปี 2459
บ่ายสามโมงเศษๆ บรรยากาศที่หัวลำโพงยังไม่คึกคักมากนัก แต่ก็เริ่มมีคนมาซื้อตั๋วรถไฟหรือบางส่วนก็มาติดต่อคืนตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่เก้าอี้บริเวณลานกว้างด้านใน กว่าครึ่งถูกจับจองโดยผู้คนที่รอเดินทาง ส่วนด้านหน้าทางเข้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยิบเจลล้างมือแบบถุงแจกจ่ายให้ผู้ที่ผ่านการวัดอุณหภูมิและได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่สถานี ตามมาตรการลดความเสี่ยงการระบาดของไวรัสโควิด-19
“เพชร” ชายวัย 50 ปี อาชีพรับราชการ สนทนากับผู้สื่อข่าวพลางนั่งรับประทานอาหารบนพื้นหลังแนวเก้าอี้กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ระหว่างรอรถไฟเพื่อกลับบ้านที่ จ.พัทลุง เขากล่าวว่า โควิดรอบนี้ต่างจากรอบที่แล้ว ตรงที่รอบที่แล้วเป็นของใหม่แต่รอบนี้เป็นผลต่อเนื่องกันมา และเชื่อว่าคนจำนวนมากคงเครียดเพราะวิกฤติโรคระบาดนี้ส่งผลกระทบอย่างถ้วนหน้าต่อการใช้ชีวิตไม่มากก็น้อย แม้แต่ข้าราชการที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่ากระทบเลยก็ตาม
“มันกระทบหมดแหละครับ คืออย่างน้อยๆ การทำงานของเราที่ต้อง Work from Home (ทำงานจากที่บ้าน)อะไรต่างๆ พวกนี้ มันจริงๆ ภาพรวมมันกระทบหมดบางเรื่องสิ่งที่เราเคยทำประจำบางอย่างก็ต้องหยุดเพื่อตรงนี้ถามว่ามีเพื่อนที่ลำบากไหม? มันก็มี คือทุกคนก็บ่นกัน อย่างผมเองก็สัมผัสหลากหลายอาชีพ เราก็จะรับฟังจากคนโน้นคนนี้ ถามว่ามีกรณีไหนฟังแล้วสะเทือนใจบ้างไหม? ส่วนมากก็เป็นภาคบริการ คือบางคนไม่ได้มีเงินเก็บ บางคนหาเช้ากินค่ำ พอไม่มีเงินเก็บ ไปทำอะไรต่างๆ มันถูกปิดไปหมดก็ลำบาก จากเดิมทำงานมีรายได้ทุกวันๆ ไม่มีเงินเก็บก็จริงแต่เขาก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่พอเขาไม่สามารถไปทำงาน เขาก็ไม่มีรายได้ตรงนั้น” เพชร กล่าว
เมื่อถามต่อไปว่ากังวลหรือไม่กับการเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟท่ามกลางข่าวสถานการณ์โรคระบาดที่ค่อนข้างรุนแรง หนุ่มใหญ่รายนี้ยอมรับว่ากังวลอยู่บ้าง แต่ตนเองก็ต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น สวมหน้ากากปิดปาก-จมูกตลอดการเดินทาง แต่ก็ยังใจชื้นได้บ้างเพราะเลือกโดยสารรถไฟชั้น 3 ซึ่งเป็นรถเปิดหน้าต่างโล่งไม่ใช่รถปรับอากาศ ดังนั้นความเสี่ยงน่าจะลดลงบ้าง สุดท้ายเมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับทั้งคนที่คืนและไม่คืนตั๋ว เรื่องนี้มองว่าแต่ละคนมีเหตุจำเป็นที่ต้องเดินทางไม่เหมือนกัน
จากหัวลำโพง ผู้สื่อข่าวเดินทางต่อไปยัง “สถานีรถโดยสารสายใต้ใหม่ (ถนนบรมราชชนนี)” เมื่อไปถึงในเวลาประมาณ 17.10 น. บรรยากาศยังไม่คึกคักมากนัก โดย “อนุชา” หนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้าเวรดูแลชานชาลาประจำวัน เล่าว่า วันที่ 9 เม.ย. 2564 กลับมีผู้ใช้บริการน้อยกว่าวันที่ 8 เม.ย. 2564 ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนโยบายที่คลุมเครือ ในขณะที่ส่วนกลางไม่ห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด แต่บางจังหวัดออกประกาศกำหนดให้คนเดินทางจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลเมื่อไปถึงแล้วต้องกักตัว 14 วัน ถึงกระนั้นก็ต้องรอดูหลังเวลา 18.00 น. อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรอจนถึงเวลา 18.00 น. เศษๆ โดยประมาณ พบบรรยากาศที่ขนส่งสายใต้เริ่มคึกคักขึ้น ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามารอรถที่ชานชาลาจนเริ่มหนาแน่น หนึ่งในนั้นคือ
“ป้าประจวบ” หญิงวัย 65 ปี ที่เดินทางมาหาลูกสะใภ้ที่กรุงเทพฯ แต่ก็ต้องรีบกลับ จ.นครศรีธรรมราช อย่างเร่งด่วนหลังจากที่ค้างได้เพียงคืนเดียว โดยป้าประจวบ เล่าว่า อยู่ที่บ้านมีหน้าที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย ซึ่งในการระบาดระลอกแรกเมื่อ 1 ปีก่อน ก็ได้ออกไปช่วยตรวจตราตามตลาดแถวบ้าน ให้ผู้ขายและผู้ซื้อปฏิบัติตามมาตรการลดความเสี่ยงโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
“อยากให้ช่วยกันระวังตัวหน่อย เสี่ยงเยอะให้ระวังตัวกันด้วย ไปถึงบ้านถ้าเขาให้กักตัวก็กักเลย อย่าไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่มันอันตรายกับเพื่อนอยู่ นี่ป้าก็เป็นห่วงว่า
พาหลานไปเขาจะให้กักตัวไหม? ไปถึงเราต้องแจ้งทาง รพ.สต. (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ถ้าให้กักก็กัก ป้าไปถึงต้องแจ้งทางโน้นเลย หรือไม่ก็ชุมชนหรือกำนันว่าเรามาจากกรุงเทพฯ” ป้าประจวบ ระบุ
เวลาประมาณเกือบสามทุ่ม ผู้สื่อข่าวปิดท้ายการสำรวจที่ “สถานีขนส่งสายเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2)” แต่ก่อนจะมาถึงที่นี่ ได้มีการแวะไปดูที่ “สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)” ก่อนในเวลาราวๆ สองทุ่ม ซึ่งบรรยากาศของขนส่งเอกมัยค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อเทียบกับหัวลำโพงหรือสายใต้ใหม่ และรวมถึงหมอชิต 2 ที่พบว่าแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าผ่าน 21.00 น. มาแล้ว แต่ผู้คนก็ยังทยอยมานั่งรอตามม้านั่งหรือซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์
“โก” คุณลุงวัย 65 ปี เล่าว่า ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี อาชีพคนงานก่อสร้าง ตอนที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดครั้งแรกในปีที่แล้วไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะงานก่อสร้างที่ทำไม่ได้ถูกระงับ กระทั่งในปีนี้เมื่อไม่ได้ทำงานมาหลายวันจึงตัดสินใจเกษียณตัวเองด้วยการเดินทางกลับบ้านไปอยู่กับหลานที่ จ.นครราชสีมา แต่ก็ยังแย้มนิดๆ ว่าในอนาคตหากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลงอาจจะกลับมาเมืองหลวงและปริมณฑลอีกครั้ง แต่วันนั้นคงหารายได้ด้วยการเก็บของเก่าขายแทน เพราะอายุขนาดนี้คงไม่มีใครจ้างให้ทำงานก่อสร้างแล้ว
“เราเดินทางหนึ่งก็รักษาความสะอาด สองก็ใส่แมสไม่อึดอัดถ้าต้องใส่ตลอดการเดินทางเพราะว่ามันจำเป็น แล้วต้องช่วยกันครับ ถ้าไม่ช่วยกันแล้วจะทำอย่างไรได้ ผมติดคุณ คุณติดผม” ลุงโก กล่าวในท้ายที่สุด
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี