วันที่ 26 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า พบเห็นเกษตรกรเมืองช้างกำลังเร่งดำนาด้วยความคล่องแคล้วเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและมีความหวังจึงได้เข้าไปสอบถาม ทราบชื่อลุงฉัตรชัย ตาเลิศ อายุ 67 ปี ชาวบ้านหนองมะแซว ต.ตรวจ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์

ลุงฉัตรชัย เล่าว่า เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาตนก็ทำนาเหมือนเกษตรกรทั่วไปคือหว่านเมล็ดพันธุ์พืชแบบไถ่หว่านตอนแรกๆ ข้าวก็เจริญงอกงามดี แต่พอผ่านมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เกิดฝนทิ้งช่วงนานทำให้ต้นข้าวที่ตนเพราะปลูกเอาไว้เริ่มเหี่ยวแห้งตายในหลายพื้นที่โดยเฉพาะนาของตน และเกษตรกรในภาคอีสานได้รับความเสียหาย เพราะความแห้งแล้ง ตนจึงลองตัดสินใจใช้วิธีตัดโดยใช้เครื่องตัดหญ้าตัดต้นข้าวที่เหี่ยวตายทิ้งหวังว่าข้าวจะกลับมางอกงามดังเดิม แต่ก็ไม่เป็นผล ต้นข้าวก็แห้งเหี่ยวตายหมดก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ได้แต่ภาวนาสาธุขอให้พญาแถนเมตตาประทานฝนลงมาให้แค่นั้น

ลุงฉัตรชัย ยังบอกอีกว่า ตนยอมรับว่าปีนี้เกษตรกรได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า การลงทุนค่อนข้างสูง เพราะการทำนาปีนี้ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ฝนตกมาไวแต่แห้งแล้งนาน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความหวังเมื่อคืนวันที่ 24 - 25 ก.ค.64 ที่ผ่านมาเกิดมีลมพายุพัดเข้ามาฝนตกตลอด 2 วัน 2 คืนทำให้ในท้องนามีน้ำฝนเต็มท้องนา ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจึงได้ว่าจ้างเพื่อนบ้านเอารถไถนามาไถนาให้เตรียมความพร้อมเพื่อจะทำการดำนา เพื่อเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำไห้ได้ผลผลิตที่ดีได้