5 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่ 2 ต.นาคู อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปพบกับนางกัญญา (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวคุณยายที่ตกเป็นข่าวว่าถูกทอดทิ้งมานอนอยู่ที่ใต้สะพานหน้าโรงพยาบาลสถาบันธัญญารักษ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี

นางกัญญา เล่าว่า คุณยายที่ตกเป็นข่าวว่าถูกนำมาทิ้ง ชื่อนางทองอยู่ (นามสมมุติ) อายุ 69 ปี เป็นพี่สาวของตนเอง โดยครอบครัวของตนเองมีพี่น้อง 13 คน และเสียชีวิตไปแล้ว เหลือพี่น้องอยู่ 6 คน ยายเป็นคนที่ 4 ส่วนตนเป็นคนที่ 7  โดยพี่สาวได้อยู่กับนายอำนาจ อายุ  55 ปี ซึ่งเป็นน้องชาย และเป็นคนที่ดูแลยายที่เป็นพี่สาวมากว่า 30 ปีแล้ว โดยพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเลย ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง  โดยน้องชายดูแล พี่สาว เป็นอย่างดี แต่คุณยายติดดื้อรัน และชอบดื่มเหล้าขาว เวลาดื่มนิสัยก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่พี่น้องทุกคนก็ยังรักและดูแลยายอย่างเสมอ   และ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ยายก็หนีออกมาจากจังหวัดเลย มาที่ดอนเมืองมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของน้องชายซึ่งซื้อเอาไว้ น้องชายจึงมาตามหาคุณยาย แต่คุณยายรั้นไม่ยอมตามกลับไปอยู่ด้วย และบ้านนี้ก็จะต้องขายทิ้ง คุณยายบอกกับน้องชายว่าจะขออยู่ที่นี่เก็บผักขายหากินเอง น้องชายก็ไม่รู้ทำยังไงจึงเดินทางกลับไป ที่ จ.เลย เพราะต้องกลับไปทำงาน 

หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อยายเลย ก็คิดในใจว่าถ้ายายอยู่ไม่ไหวเดี๋ยวแกก็กลับจังหวัดเลย จนมาทราบข่าวอีกที ทางข่าวว่าพบยายถูกทิ้งมานอนอยู่ที่ใต้สะพานหน้าโรงพยาบาลสถาบันธัญญารักษ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญญบุรี  จ.ปทุมธานี ครอบครัวรู้สึกตกใจว่าเกิดเรื่องได้อย่างไร  จึงได้ให้น้องสาวที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาลภูมิพลก่อน แต่ทางแพทย์งดเยี่ยมเนื่องจากมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 และคุณยายยังพูดคุยไม่ได้ ถ้าคุณยายหายดีแล้วทางพี่น้องทุกคนก็จะรับกลับไปเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านน้องชายที่จังหวัดเลย 

ส่วนข่าวที่ว่าคุณยายถูกพี่น้องทิ้งลูกไม่ดูแล เพราะก่อนหน้าคุณยายมีสมบัติพอหมดสมบัติแล้วมาถูกทิ้ง อันนี้ไม่เป็นความจริง แต่เรื่องจริงคือคุณยายไม่ได้มีสมบัติอะไรเลย แต่พี่น้องทุกคนก็รักและเลี้ยงดูคุณยายเป็นอย่างดี แต่คุณยายติดเหล้าขาว ส่วนลูกของคุณยายมี 3 คน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ตนเองซึ่งเป็นน้องสาว ขอยืนยันว่าความจริงพี่น้องทุกคนรวมถึงน้องชายที่ดูแลคุณยายที่จังหวัดเลย ทุกคนไม่ได้ทอดทิ้งคุณยายอย่างที่ตกเป็นข่าว และขอให้สังคมอย่าด่วนตัดสินทั้งที่ไม่รู้ความจริงอยากรู้อะไรมาสอบถามครอบครัวของตนเองก่อน