รายงานพิเศษ : ‘แลนด์มาร์คนวดไทย’  ส่งเสริมท่องเที่ยวสุขภาพ

รายงานพิเศษ : ‘แลนด์มาร์คนวดไทย’ ส่งเสริมท่องเที่ยวสุขภาพ

วันอาทิตย์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรมกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับสมาพันธ์โลกนวดไทยและสปา และไอคอนสยาม เปิดโครงการ “แลนด์มาร์คนวดไทย”เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาส “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” 29 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อแสดงศักยภาพ ความพร้อมในการร่วมสืบสาน ต่อยอด ภูมิปัญญานวดไทย สมุนไพรไทยและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ บรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการและยกระดับมาตรฐานให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (MEDICALHUB)

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การนวดไทยเป็นศาสตร์และศิลป์ เป็นมรดกภูมิปัญญาที่ได้รับการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งปัจจุบันมีองค์กรต่างๆ ที่ส่งเสริมและพัฒนาการนวดไทย กว่า 50 องค์กร รวมไปถึงองค์กรภาควิชาชีพ สถาบันการเรียนการสอน และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั่วประเทศ อีกทั้งเครือข่ายความร่วมมือจากสมาพันธ์โลกนวดไทยและสปาที่มีสมาชิกกว่า 57 ประเทศทั่วโลก


“โครงการแลนด์มาร์คนวดไทยเป็นโครงการที่จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนนวดไทย มรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยเป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสที่จะได้ประชาสัมพันธ์การนวดไทยและสมุนไพรไทยในการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพทั่วโลก

รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดรายได้แก่ผู้ประกอบการและเครือข่ายด้านการนวดไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนนำอัตลักษณ์เสน่ห์แห่งมรดกภูมิปัญญาไทยที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่นมาต่อยอด และประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and wellness Tourism)” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติในประเด็นการท่องเที่ยว โดยเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีคุณภาพในระดับ H-End ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย

รวมทั้งเร่งสนับสนุนผู้ประกอบการและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวปรับตัวเพื่อรองรับการท่องเที่ยวยุคใหม่ เช่น การเชื่อมโยง ผู้ประกอบการ Startup กับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่น การผลักดันการนำสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่แถวหน้าด้วยเทคโนโลยีไร้สัมผัส สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมมาตรฐาน SHA การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวใหม่ๆ

“การส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวแบบระยะสั้น เพิ่มความเข้มข้นในด้านความปลอดภัย ยกระดับการให้ความสำคัญกับสุขภาพและอนามัย เป็นต้น เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งจัดทำมาตรฐาน SHA (Safety & Health Administration) และ SHA Plus เพื่อตอบสนองนโยบายเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการสถานประกอบการในประเทศไทย เกิดความมั่นใจในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) ปี 2564” รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมเตรียมการเปิดประเทศ และได้ริเริ่มและขับเคลื่อนโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยว อาทิ สุขภาพดีวิถีใหม่Living with COVID 19 ดูแลสุขภาพประชาชนให้เข้าสู่สุขภาพดีวิถีชีวิตปกติ และเร่งยกระดับมาตรฐานป้องกันควบคุมโรค COVID Free Setting เพื่อรองรับการเปิดประเทศ เช่น สตรีทฟู้ด โรงแรม ร้านอาหาร สถานประกอบการ เป็นต้น

“สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยนำศักยภาพความแข็งแกร่งด้านระบบบริการสุขภาพของประเทศ และนวดไทยเป็นจุดขาย เชื่อมโยงช่องทางเครือข่ายการตลาดและการใช้สมุนไพรทั้งในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพร การบริการ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ” รมช.สาธารณสุข กล่าว

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดแคมเปญ “BLUE ZONE” (Business & Leisure Ultimate Experiences)“เที่ยวปลอดภัย ประสบการณ์เหนือใคร”ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยวรักษาสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจเป็นกลไกช่วยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติตอบโจทย์การเปิดประเทศ สนับสนุนการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยกำหนดเป็นพื้นที่สีฟ้าให้กับจังหวัดนำร่องเพื่อการท่องเที่ยว

นางชุติมา แฮล์ก ประธานสมาพันธ์โลกนวดไทยและสปา กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 สถานประกอบการด้านความงาม สุขภาพ ร้านนวดแผนไทยและสปา ต้องหยุดให้การบริการอย่างยาวนาน และส่วนหนึ่งต้องปิดกิจการอย่างถาวร เนื่องจากรับภาระค่าใช่จ่ายไม่ไหว ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก สมาพันธ์โลกนวดไทยและสปา ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 57 ประเทศทั่วโลก

จึงได้รวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะ ความรู้ ประสบการณ์แนวคิดการบริการรูปแบบใหม่ๆ สร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นในระดับสากล อาทิ การนวดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นวดระบายน้ำเหลืองช่วยให้ภูมิคุ้มกันมากขึ้น นวดธาตุเจ้าเรือน เป็นต้น รวมทั้งยังจัดฝึกอบรมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อกระตุ้นสร้างความเชื่อมั่นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยและชาวต่างชาติที่หลงใหลในเสน่ห์ของศาสตร์การแพทย์แผนไทย

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ไอคอนสยาม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการแลนด์มาร์คนวดไทย ซึ่งงานนี้นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการและกลุ่มวิชาชีพนวดไทยให้มีรายได้แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา และต่อยอดผลิตภัณฑ์ การบริการ ส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

โครงการแลนด์มาร์คนวดไทย มีกำหนดการจัดกิจกรรมในเดือนธันวาคม 2564 ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมโครงการได้ที่ Facebook Landmark Nuad Thai


SCOOP@NAEWNA.COM
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top