วันที่ 18 ก.พ.65 อาจารย์ ดร.เนติยา การะเกตุ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์ สาขาวิชา วิทยาศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวในปัจจุบันเรื่อง Musa “Siam Ruby”? หรือต้นกล้วยแดงอินโด ที่มีต้นแม่พันธุ์ลายเทพตีนตุ๊กแก พายุ วากิว แหล่งรวมลายเทพ ไว้ในต้นเดียวมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาทต่อต้นเลยทีเดียว ผู้คนในวงการไม้ดอกไม้ประดับรวมถึงไม้ใบต่างพากันค้นหา "กล้วยแดงอินโด" กันมากมาย
ในยุคโควิดผู้คนต่างหาทางเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ต้นกล้วยแดงอินโด อีกหนึ่งธุรกิจที่ยังเจริญเติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชซึ่งในวงการไม้ทำกันมานานมาแล้วโดยส่วนใหญ่จะใช้เทคนิคนี้กับพืชเศรษฐกิจ เช่น กล้วยไม้ กล้วยหอมทอง เป็นต้น และ "กล้วยแดงอินโด" ที่ราคาหลักล้านก็ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนี้คือการเลี้ยงพืชในสภาวะปลอดเชื้อ คือไม่มีเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียเลย ดังนั้น เราจะต้องฆ่าเชื้อในพืชเราให้หมดไปก่อนถึงจะประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งการทำก็ไม่ยาก และก็ไม่ง่าย
เมื่อได้ขยายจำนวนเนื้อเยื่อในสภาพปลอดเชื้อได้จำนวนที่ต้องการแล้วจากนั้นก็ทำให้พืชมีรากที่สมบูรณ์และแข็งแรง จึงนำต้นกล้วยมาอนุบาล เมื่อต้นกล้วยมีใบใหม่แสดงให้เห็นว่ากล้วยแดงอินโดพร้อมออกไปอาบแดด จะสังเกตเห็นว่าในตอนเริ่มแรกเนื้อเยื่อกล้วยแดงอินโดไม่แดงสักนิด
แต่เมื่อต้นไม้โดนแสงแดดตอนเช้าไม่เกิน 10 โมง ภายใน 1 อาทิตย์ต้นกล้วยจะแดงโดยไล่จากขอบใบแดง > หลังใบแดง > หน้าใบแดง การนำต้นกล้วย ไปอาบแดดใบกล้วยจะแดงขึ้น เริ่มมีการพัฒนาเม็ดสีทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่การแดงหรือไม่แดงนี่เกี่ยวกับพันธุกรรมของกล้วย เกิดจากการขยายปริมาณเนื้อเยื่อมาก ทำให้บริเวณที่มีเนื้อเยื่อเขียวเจริญเติบโตมาเป็นต้นจึงทำให้เนื้อเยื่อกล้วยแดงอินโด มีทั้งแดง ทั้งเขียว และอีกประเด็นที่สำคัญ
สำหรับผู้ที่ขยายพันธุ์พืชให้ความสนใจอย่างมากคือสาเหตุที่ขยายพันธุ์กล้วยด่างอินโดไม่แดง เพราะอะไร...
อาจารย์ ดร.เนติยา การะเกตุ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์ สาขาวิชา วิทยาศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "เนื่องจากตอนขยายพันธุ์ ทำให้มีการแตกกอเยอะ จนพืชที่มีบริเวณสีเขียวแตกกอด้วย นั่นคือคือเหตุผล ที่ทำให้บางส่วนแดง บางส่วนไม่แดง สรุปคือถ้าเนื้อเยื่อพืชมีส่วนที่เป็นสีแดงมากก็จะแดงมาก ถ้าได้แต่ส่วนที่เป็นสีเขียวก็จะเขียวล้วน แต่ถ้าได้ทั้งสองส่วนมาอยู่ด้วยกันก็จะได้ครึ่งต้นเขียวครึ่งต้นแดง ซึ่งความเป็นไปได้มีหลากหลายมาก จึงได้ใบที่มีลวดลายต่างๆ ไม่เหมือนกันค่ะ เพราะความคลาสิก Unique แปลกใหม่ให้ลุ้นตลอด นี่แหละเสน่ห์ไม้ด่างนั่นเอง"
ขอบคุณภาพจาก : ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี และ ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ บริษัท ก่อบุญณัฐ จำกัด, Koai Garden และ Prangchan Plant
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี