เมื่อปลายเดือนก่อน มีงานใหญ่ที่ประเทศไทยจัดขึ้นในประเทศ เพื่อส่งเสริมผ้าไหมไทยให้เผยแพร่ไปทั่วโลก คนไทยในชนบทอีกเป็นจำนวนมากจะได้มีอาชีพและรายได้ดีๆ จากการปลูกหม่อน จากการเลี้ยงไหม จากการทอผ้าไหม และจากการทำธุรกิจด้านผ้าไหม
โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2565 เป็นปีที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 90 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคมพ.ศ.2565 การจัดงานครั้งนี้ จึงจัดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ท่านในฐานะเป็นผู้บุกเบิก และริเริ่มให้ผ้าไหมไทยได้มีบทบาทอันมั่นคงในสังคมไทย และให้แพร่หลายไปในต่างประเทศทั่วโลก
การจัดในปี พ.ศ.2565 จึงเป็นการจัดที่สำคัญ ณ หอประชุมกองทัพเรือ ต้องขอชมเชยหน่วยราชการทั้งหลายที่ร่วมกันจัด ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงวัฒนธรรม, กรมหม่อนไหม,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมประชาสัมพันธ์, และหน่วยงานอื่นๆ
จนกระทั่งมีสถานทูตและสถานกงสุลของประเทศต่างๆ เข้าร่วมงานถึง 100 ประเทศ ซึ่งผู้จะเดินแบบในชุดไหมไทย ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตและภริยา 42 ประเทศ, กงสุลกิตติมศักดิ์ 17 ประเทศ อุปทูตและตัวแทนสถานทูต 41 ประเทศ จึงเป็นความร่วมมือที่ได้รับจากผู้แทน ของประเทศต่างๆ ถึง 100 ประเทศ
และโดยที่ ท่านนายกรัฐมนตรี(พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)ไปติดราชการประชุม Indo-Pacific Economic Framework(IPEF)อยู่กับ โจ ไบเดน และผู้นำคนอื่นของเอเชียและอาเซียน อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
ฯพณฯ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จึงต้องมาทำหน้าที่แทนและดูแลรับแขกต่างประเทศอย่างได้ผลดียิ่ง
แต่เรื่องก็คงไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะยังมีประเด็นอีกหลายประเด็น ที่ทำให้ต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมา อันได้แก่
ตามสูจิบัตร จะมีเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆและภริยาแต่งไหมไทยออกมาเดินถึง 42 ประเทศ ในจำนวนนี้มีประเทศในยุโรปอยู่ถึง 21 ประเทศ
แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว เอกอัครราชทูตในยุโรปหลายประเทศรวมทั้งภริยา งดเว้นการแต่งกายออกมาเดิน ซึ่งน่าจะเป็นประเทศในกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(NATO)ประมาณ 20 ประเทศ ซึ่งไม่ต้องการทำสังฆกรรมกับเอกอัครราชทูตรัสเซียและภริยาซึ่งตามสูจิบัตรจะต้องแต่งกายออกมาเดินบน Cat Walk เหมือนกัน
ร้อนถึงท่านรองฯวิษณุ เครืองาม ต้องไปเกณฑ์และขอร้องปลัดกระทรวงหลายกระทรวงให้แต่งกายด้วยชุดผ้าไหม ออกมาเดินแฟชั่นโชว์แทนท่านเอกอัครราชทูตทั้งหลายซึ่งทำการบอยคอตต์ (boycott)งานที่ประเทศไทยจัดขึ้นและไม่ใช่งานการเมือง หรืองานแบ่งพวกแบ่งสีแต่อย่างใด
การที่บรรดาเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิก NATO ทำเช่นนี้ มีพี่ใหญ่ใน NATO ประเทศใดสั่งการมาและท่านต้องถือปฏิบัติตามโดยไม่เกรงใจประเทศเจ้าภาพด้วยเช่นนั้นหรือ
หรือว่าท่านตกลงกันเอง ซึ่งถ้าทำเช่นนี้จะไม่เป็นการผิดมารยาททางการทูตและธรรมเนียมการทูตและการไม่เห็นแก่หน้าประเทศเจ้าภาพหรือ
แต่ถ้าท่านได้รับคำสั่งจากรัฐบาลของท่านให้กระทำเช่นนี้ คอลัมน์นี้ ก็ขอแสดงความเห็นใจและแสดงคารวะต่อท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลของท่าน
แต่เมื่อประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ส่งทหารบุกเข้าไปจับและสังหารผู้นำอิรัก เอาเครื่องบินเข้าไปบอมบ์ทำเนียบและสังหารประธานาธิบดีลิเบีย ส่งกองทัพเข้ายึดอัฟกานิสถาน ซีเรีย ฯลฯ โดยไม่คำนึงถึงกฎบัตรสหประชาชาติ (UNO) ประเทศของท่านได้คัดค้านหรือร่วมกันแซงก์ชั่น (Sanction) บ้างหรือไม่
ประเทศของท่านซึ่งถือตนเป็นประชาธิปไตย ยึดถือหลักความเสมอภาค (Equality), เสรีภาพ (Liberty) และ ภราดรภาพ(Fraternity) ของทุกประเทศ ของประชากรในประเทศ ได้ต่อสู้หลักการนี้กับประเทศเจ้าพ่อที่ทำเช่นนี้บ้างหรือไม่
ในฐานะที่ท่านเป็นตัวแทนของประเทศ ท่านก็น่าจะส่งความคิดเห็นของชาวเอเชียไปให้รัฐบาลของท่านทราบบ้างว่า เขาคิดกันอย่างไรบ้าง
การจะอยู่ด้วย ภราดรภาพ ประเทศต่างๆ จะต้องพยายามหาทางเจรจาและช่วยเหลือกันฉันพี่น้อง แก้ปัญหาไปด้วยกัน ช่วยให้เจริญไปด้วยกัน ไม่ข่มขู่หรือกลั่นแกล้งรังแกกัน ไม่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้รบกัน
การจะอยู่ด้วย เสรีภาพ ประเทศใหญ่จะต้องเคารพเสรีภาพของประเทศเล็ก ให้เกียรติเท่าเทียมกัน และเคารพซึ่งกันและกัน
การที่จะอยู่ด้วย ความเสมอภาค ก็ต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน เคารพในฐานันดรและประชาชนของแต่ละประเทศ ไม่ไปรังแกข่มขู่เขาด้วยกำลัง ทุกอย่างจำต้องเจรจากัน และยึดถือหลักกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก ยึดถือคำพิพากษาของศาลโลกเป็นที่ยุติ
ทีนี้มาถึงข้อสังเกต ถึงบริษัทผู้จัดงานบ้าง ท่านจัดงานใหญ่ให้ประเทศที่มีประวัติศาสตร์และมีศักดิ์ศรีเช่นประเทศไทย และเจตนาให้ผลงานเผยแพร่ไปสู่ทั่วโลก ท่านก็จะต้องเอาใจใส่และทุ่มเทจิตใจให้มากขึ้นอีกหน่อย เช่น
1.ผู้มาร่วมงาน ต่างก็สอบถามกันและกันว่า ทางเข้าอยู่ที่ไหน จะไปสู่ที่นั่งได้อย่างไร มีผู้คนเดินอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นพนักงานนำเข้าที่นั่ง (ushers) แผนที่และเครื่องหมาย ตลอดจนแผนผังที่นั่งก็ไม่มีติดไว้หน้างานเลย
2.ผู้แสดงแบบ ก็ถูกจับไปรวมกันแน่นขนัดที่ชั้นล่าง ไม่มีใครทราบว่าตนจะต้องออกเดินแบบเมื่อใด การเตรียมการเรื่องเตรียมช่างแต่งหน้า ช่างทำผม มีกำหนดการไว้เป็นอย่างดีแต่เมื่อแต่ละคณะไปถึงแล้ว ก็มิได้เป็นไปตามเวลาและคิวที่เตรียมไว้ น่าจะเป็นเพราะขาดการกำกับดูแลและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ ผู้แสดงแบบจึงต้องพยายามพึ่งตนเองเป็นหลัก
เมื่อถึงคิวออกเดิน ทุกคณะไม่สามารถเดาได้ว่า จัดเรียงแบบใด มีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวออกมาตะโกนเรียก ชื่อประเทศต่างๆ โดยไม่มีไมโครโฟน ทำให้รับฟังยาก
จากห้องพักรอ เดินขึ้นไปด้านหลังเวทีก็ต้องใช้ทักษะการเอาตัวรอด เพราะอยู่ในที่มืดหลังเวที มีความหวาดเสียวที่จะล้มหรือเกิดอุบัติเหตุได้ ต้องคอยสอบถามจากพนักงานเป็นช่วงๆ ว่าคิวเป็นอย่างไร เพื่อเดินกันไปตามคิว ที่ผู้ประกาศเท่านั้นที่รู้
3.ลำดับการออกเดินแบบ ผู้ที่ต้องแต่งกายออกเดินแบบก็มีการปะปนกันยุ่งเหยิง เอกอัครราชทูต, ภริยาและครอบครัว, เจ้าหน้าที่สถานทูต, และเด็กนักเรียนไทยของสถานทูตที่บอยคอตต์งาน ผู้เดินแบบที่อาวุโสและเป็นที่รักนับถือของคนไทย เช่น คุณนวลพรรณ ล่ำซำ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย, คุณพัชรพิมล ยังประภากร กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทย (หรือแม้แต่ถ้า คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ปาปัวนิวกินีประจำประเทศไทย หรือ คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทยและกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ มาเดินก็คงจะถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายๆรองจากเจ้าหน้าที่ผู้น้อยของสถานทูต และเด็กนักเรียนไทยที่มาเดินแทนสถานทูตที่บอยคอตต์)
หากจัดตามลำดับตัวอักษรของประเทศที่ให้ความสนับสนุนและเข้ามาร่วมงาน ก็จะชัดเจนและรู้เวลาเดินของตัวดีกว่าที่จะต้องนั่งรออยู่อย่างแน่นขนัดและสับสนวุ่นวาย
4.ดนตรีประกอบเพลงเดิน ล้วนแล้วแต่เป็นดนตรีแบบลูกทุ่ง และมีนักเต้น (Dancers) แต่งตัวสวยๆ มาเต้นราวกับอยู่ในไนท์คลับ LIDO หรือ Crazy Horses แถวถนนชองส์เอลีเซ่ หรือในโรงละคร Folies Bergère กับ Casino de Paris ในปารีสเช่นกัน
งานที่ประเทศไทยจัดขึ้นนี้ เป็นงานที่มีเกียรติแขกที่ได้รับเชิญก็เป็นตัวแทนประมุข หรือรัฐบาลของนานาอารยประเทศ ดนตรีประกอบการเดิน ก็น่าจะเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ โดยร้องเป็นภาษาอังกฤษหรือ ฝรั่งเศสก็ได้ หรือเป็นเพลงของ Johann STRAUSS หรือ STRAUSS อื่น ก็คงจะทำให้งานงดงามและซาบซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ดนตรีและนักร้องแบบลูกทุ่งประกอบด้วย หางเครื่องแบบเต็มพิกัดก็มีเสียงดังกลบเสียงของพิธีกรหมด จนไม่ทราบว่า ปลัดกระทรวงคนไหนออกมาเดินด้วย ที่จำได้ ก็เห็นจะมี ดร.ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคุณอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมเชย ว่าคณะเต้นหางเครื่องเต้นกันได้ดีมาก จะเหมาะอย่างยิ่งถ้าจัดในงานที่บ้านนักการเมืองที่ร่ำรวยสัก 1 ท่าน
หัวข้อสุดท้ายของบทความนี้ มิใช่ข้อสังเกต หรือข้อเสนอแนะ แต่เป็นคำถามว่า แต่ละปีใช้งบประมาณเท่าใดและหากหาทางใช้งบประมาณเท่าๆ กัน ให้ห้างสรรพสินค้าดังๆ หรือโรงแรมห้าดาวในต่างประเทศที่กลุ่มธุรกิจใหญ่ๆของไทย ไปซื้อไว้ในต่างประเทศ ไปจัด ณ ห้างสรรพสินค้าเหล่านั้น หรือโรงแรมห้าดาวเหล่านั้นจะได้ผลลัพธ์ดีกว่าไหม เพราะความสวยงามของผ้าไหมไทย และของผู้ออกแบบชาวไทยที่ออกแบบได้อย่างสวยงาม จะได้ไปสู่มือ และสายตาของลูกค้าชาวยุโรป อเมริกา และอื่นๆ ได้โดยตรง น่าจะเป็นผลดีกว่ามาจัดอยู่แค่ในประเทศไทย แล้วก็จบไปแต่ละปี
หวังว่าข้อคิดเห็น “ติเพื่อก่อ” นี้ คงจะเป็นประโยชน์ในการจัดส่งเสริมผ้าไหมไทยในโอกาสต่อไป
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี