‘ศูนย์วิจัยเหลื่อมล้ำ มธ.’ชวนย้อนมอง2ปีโควิดระบาด ‘คนรายได้น้อย’เจ็บหนัก‘เงินออมลด-หนี้พุ่ง’
22 มิ.ย. 2565 เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Center for Research on Inequality and Social Policy – CRISP” ของศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำและนโยบายสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เผยแพร่รายงานการสำรวจผลกระทบของโควิด-19 ต่อกลุ่มที่มีรายได้น้อยในประเทศไทยด้านเศรษฐกิจ เนื้อหาดังนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ได้สร้างผลกระทบต่อผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้ชัดคือสถานการณ์สุขภาพของคนไทยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอีกด้วย
ศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำ ฯ จึงได้สำรวจผลกระทบด้านเศรษฐกิจของโควิด-19 ต่อกลุ่มคนรายได้น้อยซึ่งเป็นสัดส่วนประชากรหลักของประเทศ ภายใต้โครงการ “Social Monitoring สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย” ซึ่งจะทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลผลกระทบทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว (ระยะก่อนและหลังการปรับตัวของกลุ่มตัวอย่าง) ที่เกิดขึ้นจริงต่อกลุ่มคนรายได้น้อย(รายได้ต่ำกว่า 15,001 บาท/เดือน) มีข้อค้นพบที่น่าสนใจมากมายมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ เพื่อสำรวจการเปลี่ยนแปลงทางรายได้และรูปแบบการทำงาน โดยตอนนี้จะพูดถึงผลกระทบต่อมิติทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยรายได้ ค่าใช้จ่าย หนี้สิน และเงินออม
ที่มา: ศุภชัย สมผล, 2565, การสำรวจผลกระทบของโควิด-19 ต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในประเทศไทย, ในโครงการ Social Monitoring สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.)
จัดทำโดย : ภัคชัย อนันธนานฤภร ศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำและนโยบายสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เราสามารถสำรวจข้อมูลจากกลุ่มรายได้น้อยโดยอาศัยหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ตอบแบบสำรวจจากระดับรายได้เฉลี่ยที่ต่ำกว่า 15,001 บาท/เดือน ซึ่งก่อนมีการแพร่ระบาดโควิด-19 กลุ่มคนรายได้น้อยจะมีรายได้เฉลี่ยที่ 10,290 บาท/เดือน แต่หลังจากมีการแพร่ระบาด รายได้ของคนกลุ่มนี้ลดลงถึง 23.66% เหลือ 7,855 บาท/เดือน ในปี 2563 และลดลง 28.11% เหลือ 7,397 บาท/เดือน ในปี 2564 เมื่อเทียบกับรายได้ช่วงก่อนการแพร่ระบาด ในขณะที่กลุ่มคนรายได้น้อยยังมีรายจ่ายที่ลดลงเช่นกัน ซึ่งก่อนมีการแพร่ระบาดโควิด-19 คนกลุ่มนี้มีรายจ่ายเฉลี่ยที่ 8,438 บาท/เดือน แต่หลังจากมีการแพร่ระบาดทำให้รายจ่ายลดลงถึง 3.85% เหลือ 8,113 บาท/เดือน ในปี 2563 และลดลง 3.58% เหลือ 8,136 บาท/เดือน ในปี 2564 เมื่อเทียบกับรายจ่ายช่วงก่อนการแพร่ระบาด
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงทางรายได้ในแต่ละอาชีพจะพบว่า หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 อาชีพที่รายได้ลดลงมากที่สุด คือ รับจ้าง ลดลง 37.9% รองลงมาคือ อาชีพค้าขาย ลดลง 36.8% และอาชีพก่อสร้าง ลดลง 30.1% ซึ่งสอดคล้องกับอาชีพที่มีรายจ่ายลดลงมากที่สุดคือ รับจ้าง ลดลง 7.3% รองลงมาคือ อาชีพค้าขาย ลดลง 6.8% และอาชีพก่อสร้าง ลดลง 4.4%
เมื่อสำรวจสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รายได้ลดลงแล้วนั้น พบว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถจำแนกได้ตามอาชีพประกอบด้วยอาชีพค้าขาย รับจ้าง และเกษตรกร เกิดจากความต้องการของลูกค้าลดลง (25.22%) และอาชีพลูกจ้างในภาคบริการและอุตสาหกรรม และก่อสร้าง เกิดจากชั่วโมงการทำงานลดลง (22.75%)
ส่วนสาเหตุที่ค่าใช้จ่ายลดลงน้อย/ไม่ลดลงเลย เพราะเกิดจากไม่สามารถปรับลดค่าใช้จ่ายได้ (76.7%) มาตรการกักตัวอยู่บ้านทำให้ไม่สามารถเดินทาง (1.92%) ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจลดลง (3.36%) และได้รับการช่วยเหลือค่าครองชีพจากรัฐ (3.50%) ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้กลุ่มอาชีพลูกจ้างในภาคบริการและอุตสาหกรรม มีค่าใช้จ่ายที่ลดลงน้อยที่สุด/ไม่ลดลงเลย (ลดลงไม่ถึง 1% ในปี 2564) เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สวนทางกับรายได้ที่ลดลงมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายกลับไม่ลดลงตามไปด้วย เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงสำหรับกลุ่มอาชีพนี้
ในเรื่องของหนี้สินและเงินออมก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเช่นกัน โดยช่วงก่อนการแพร่ระบาดกลุ่มคนรายได้น้อยมีหนี้สินเฉลี่ยที่ 33,655 บาทและมีเงินออมเฉลี่ยที่ 3,735 บาท แต่หลังจากมีการแพร่ระบาดพบว่าหนี้สินในปี 2563 เพิ่มขึ้น 4.03% เป็น 34,197 บาท และในปี 2564 เพิ่มขึ้น 5.32% เป็น 34,304 บาท ในขณะที่เงินออมในปี 2563 ลดลง 0.64% เป็น 3,711 บาทและในปี 2564 ลดลง 0.67% เป็น 3,710 บาท เมื่อเทียบกับปีก่อนมีการแพร่ระบาด
นั่นทำให้ทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ได้รับผลกระทบตามไปด้วยแต่ยังเป็นระดับที่ต่ำอยู่ โดยผลการสำรวจข้อมูลพบว่ามีการจำนำหรือขายทรัพย์สินสองอันดับแรกมากที่สุดได้แก่ รถยนต์/รถจักรยานยนต์ มากที่สุด และรองลงมาคือ ของใช้ในบ้าน เพื่อให้มีสภาพคล่องในครัวเรือนเพิ่มขึ้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0MPPHoa8uwMRE8oCtyXTbPBhqGnownZduhPBZDkPbWSjXzVvEUxajiqsi4cPVLbshl&id=546169232523319
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี