13 ส.ค.65 ที่ห้องประชุมเฉวง วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่ากากรกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย นายกสมาคมสปาสมุย ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย นายกสมาคมสมุย พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้ร่วมประชุมเพื่อหารือสถานการ์การท่องเที่ยวบนเกาะสมุยในปัจจุบัน และการคมนาคมของเกาะสมุย ในส่วนของสะพานข้ามจากอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช มายังอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานประกอบการโรงแรมและสถานประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวของเกาะสมุยได้กลับมาเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว พบว่าขณะนี้แรงงานในเกาะสมุยเกิดการขาดแคลนแรงงาน ทำให้สถานประกอบการต่างๆ ได้รับผล กระทบจากการให้บริการ สำหรับเกาะสมุยมีความพร้อมที่จะเป็นกรีนเดสทิเนชั่นที่จะให้สถานประกอบการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นจุดขายในการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะสมุย
นางวัลวลี ตันติกาญจน์ นายกสมาคมสปาสมุย ได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาผลักดันเกาะสมุยให้เป็นเกาะแห่งสุขภาพ หรือ เวลเนตเดสทิเนชั่น ทั้งนี้ในปัจจุบันการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมถือเป็นวิถีใหม่แห่งการดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและความมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของนักท่องเที่ยว
ด้านนายวิทยา ทองสุข นายกสมาคมสมุย ได้นำเสนอพร้อมสนับสนุนให้รัฐบาลก่อสร้างสะพานข้ามมาเกาะสมุยจากอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช มายังอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางเข้าเกาะสมุยให้นักท่องเที่ยวคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากสนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราช และสนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถที่จะรองรับเที่ยวบินจากต่างประเทศได้มากขึ้น ทำให้การเดินทางมาเกาะสมุยใช้เวลาน้อยที่สุด ที่สำคัญยังเกิดข้อดีต่อคุณภาพชีวิตชาวเกาะสมุยที่มีทางเลือกในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยรวมถึงการเดินทาง และสะพานข้ามเกาะสมุยจะทำให้สามารถลดค่าครองชีพได้ เนื่องจากสิ่งของทั้งอุปโภคและบริโภคในพื้นที่จะมีราคาที่ถูกลงรวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงจากการมีสะพานดังกล่าว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่ากากรกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุยมีหลายเรื่องเช่น เกาะสมุยจะมีการพัฒนาให้เป็นเวลเนส เดสทิเนชั่น หรือเป็นกรีน เดสทิเนชั่น ซึ่งเรื่องนี้ตนเองจะได้ส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาดูแลเก็บข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ส่วนการพัฒนาการท่องเที่ยวของเกาะสมุยจะมีการพัฒนาไปถึงการสร้างสะพานข้าม ไปยังเกาะสมุยจากบนฝั่งไม่ว่าจะเป็นอำเภอดอนสักอำเภอขนอม มาที่เกาะสมุยหรือไม่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม เป็นไงเบื้องต้นกระทรวงคมนาคมได้มีการศึกษาเรื่องสะพานข้ามมาเกาะสมุยแล้ว ว่ามีการคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งเรื่องนี้ในอดีตอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุนแต่ขนาดนี้แต่ปัจจุบันมีความคุ้มค่าแล้วที่จะลงทุน เพราะการสัญจรของนักท่องเที่ยวเข้ามายังเกาะสมุยจากในอดีตพบว่ามีรายได้ต่อปีสูงสุดถึงห้าหมื่นล้านบาท จึงถือว่าเป็นรายได้หลักของชาวเกาะสมุยเกาะพะงันและเกาะเต่า ที่สำคัญหากมีสะพานข้ามเกาะสมุยก็จะส่งผลดีถึงบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนตัวผมมองว่าอะไรที่ควรพัฒนามันก็ต้องพัฒนา ในส่วนภาพรวมของการท่องเที่ยวของประเทศไทยการที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศจำนวน 1.5 ล้านล้านบาท หรือไม่ก็คงต้องใช้ความพยายามต่อไป คือทำอย่างไรเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยให้มากขึ้น แต่ถ้าเป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมาการที่จะหารายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 1.5 ล้านล้านบาทคงเป็นไปไม่ได้ สูงสุดจะได้เพียงแค่ 1.2 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่หลังจากที่เปิดประเทศคาดว่าการท่องเที่ยวจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี