อาชีพเสี่ยงตาย ล้วงรัง 'ต่อหัวเสือ' ขายกิโลละ 2,000 บาท

อาชีพเสี่ยงตาย ล้วงรัง 'ต่อหัวเสือ' ขายกิโลละ 2,000 บาท

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565, 19.30 น.

สุดระทึก !! ตามไปดูโชว์ล้วงรัง “ต่อหัวเสือ” อาชีพเสี่ยงตาย เสิรฟขึ้นโต๊ะเปิบพิสดาร สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ รังตัวต่อลูกค้ากว้านซื้อ เชื่อเป็นเครื่องรางของขลัง

11 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รายงานจากจังหวัดนครพนม ในช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปลาปาก,อ.นาแก และ อ.วังยาง ที่มีอาชีพสุดเสี่ยงในการเลี้ยงต่อหัวเสือ เพื่อสร้างรายได้ แต่ถือเป็นอาชีพจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีการสืบทอดจากอดีตจวบถึงปัจจุบัน และยังเป็นอาชีพเสี่ยงตายที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เฉลี่ยปีละนับแสนบาทต่อครอบครัว เพราะเป็นเมนูหายาก และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะสายเปิบพิสดาร นำขึ้นโต๊ะเป็นเมนูเด็ดอีสาน อาทิ ก้อยลูกต่อ,แกงตัวต่อ,หมกตัวต่อ,ยำลูกต่อหัวเสือ และอีกสารพัดเมนู ยิ่งช่วงไหนหายาก โดยห้วงอากาศแล้ง จะส่งผลให้รังต่อหายาก จึงมีราคาถีบตัวสูงขึ้น ปีนี้ตกราคากิโลกรัมละประมาณ 2,000 บาท 


 

 

โดยชาวบ้านจะเริ่มเลี้ยงตัวต่อหัวเสือตอนต้นฤดูฝน คือราวเดือน มิถุนายนของทุกปี ใช้วิธีปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติประมาณ 3-4 เดือน จะสามารถเก็บผลผลิตออกสู่ท้องตลาด นำมาปรุงเป็นเมนูเด็ด ซึ่งตัวต่อหัวเสือจะให้ผลผลิตมากสุดราวหลังออกพรรษา ปีนี้ก็ประมาณเดือนตุลาคม และเป็นช่วงสุดท้ายในการเก็บผลผลิต ผู้เลี้ยงบางรายสามารถสร้างรายได้ปีละนับแสนบาท

 

 

ทั้งนี้ ชาวบ้านอาชีพเสี่ยงต่อเลี้ยงต่อหัวเสือ ให้มีการพัฒนาต่อยอดจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่เก็บผลผลิต จากเดิมใช้วิธีการเผารังต่อ แต่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงได้คิดค้นประดิษฐ์ชุดล้วงรังต่อ ที่มีความปลอดภัยสูง ในการล้วงรังต่อ เพื่อลดการสูญพันธุ์แทนการเผาด้วยไฟหรือรมควัน ทำให้สามารถเก็บผลผลิตเพิ่มขึ้นได้รังละ 2-3 รอบ

 

 

โดยผลผลิตตัวต่อนอกจากจะขายแม่ตัวต่อและลูกต่อหัวเสือ ยังสามารถขายต่อยกทั้งรัง เพราะมีบางคนมีความเชื่อ ไปทำเป็นเครื่องรางของขลัง นำไปประดับแขวนไว้หน้าบ้าน ร้านค้า ร้านอาหาร เชื่อกันว่าเป็นการต่อเงิน ต่อทอง ต่อยอดลูกค้า โดยขายได้ถึงรังละ 3,000-5,000 บาท แล้วแต่รูปแบบความสวยงามของรังต่อ

 

 

ด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า พื้นที่ ต.พิมานถือเป็นอีกหมู่บ้านที่ตนและชาวบ้าน ได้นำอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน มาพัฒนาต่อยอด ส่งเสริมการเลี้ยงต่อหัวเสือสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูฝน และนำผลผลิตลูกต่อส่งขายในช่วงใกล้งานประเพณีออกพรรษา ราวเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นฤดูกาลที่ต่อให้ผลลิตมากสุด ถือเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สร้างรายได้ดีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีราคาตกกิโลกรัมละ 2,000 บาท ปีไหนหายากยิ่งมีราคาแพง

 

 

ชาวบ้านจะใช้ความชำนาญ ในการล่าตัวหัวเสือตามป่าทุ่งไร่ทุ่งนาที่ทำรังตามธรรมชาติ ด้วยการนำเหยื่อประเภท เนื้อสัตว์ แมลงไปล่อ แล้วตามไปหารังต่อ ก่อนเคลื่อนย้ายมารักษาไว้ตามหัวไร่ปลายนาในที่ปลอดภัย ใช้เวลาเลี้ยงแบบธรรมชาติ ประมาณ 4-5 เดือน ก่อนเก็บผลลิตขาย เดิมใช้วิธีรมควัน แต่พัฒนาคิดค้นชุดล้วงรังต่อ เพื่อป้องกันต่อสูญพันธุ์ และเก็บผลผลิตได้หลายครั้ง บางรังสามารถเก็บผลผลิตได้ 2-3  ครั้ง หากรมควันจะได้เพียงครั้งเดียว บางรายสามารถหารังต่อได้เยอะ ก็สร้างรายได้ 50,000-100,000 บาทต่อปี

 

 

ส่วนเมนูเด็ดชาวบ้าน จะนำไปปรุงเป็นก้อยลูกต่อ คั่วต่อหัวเสือ หมกต่อ แกงต่อ ยำลูกต่อ สารพัดเมนู ถือเป็นเมนูเด็ดที่หากินยาก 1 ปีมีครั้งเดียว จึงทำให้มีราคาแพง นอกจากนี้ลูกค้าบางรายมีการสั่งซื้อยกรัง เพื่อนำรังที่แม่ต่อทิ้งรังร้าง ไปทำเป็นเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ ขายได้ราคาสูงตกรังละ 3,000-5,000 บาท ส่วนการดูแลจะต้องมีความชำนาญ และต้องเลี้ยงในที่ปลอดภัย เพราะต่อหัวเสือถือเป็นแมลงที่มีพิษร้ายแรง หากถูกรุมต่อยจำนวนมากอาจอันตรายถึงชีวิต จึงต้องมีความชำนาญในการเลี้ยงดูแล ผู้คิดจะเลี้ยงต้องศึกษาวิธีให้ดีก่อน.-008 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top