พวกเราคือพลเมืองไทยผู้ย้ายถิ่นฐานมาจากไต้หวัน พวกเรามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยนานกว่า 40 ปีแล้ว เรายังยึดมั่นในหลักสันติภาพ เสรีภาพ อิสรภาพตลอดเวลา และต้องการเห็นโลกของเราร่มเย็นเป็นสุข ไร้สงคราม พวกเราสนับสนุนการอยู่ร่วมกันโดยสันติ
แม้พวกเราจะอยู่ห่างจากแผ่นดินเกิด แต่พวกเราก็ยังคงมีความปรารถนาดีต่อแผ่นดินแม่ของเราเสมอ อยากให้แผ่นดินแม่มีความสงบร่มเย็นผาสุก
เมื่อไม่นานมานี้ พวกเราได้อ่านคำเรียกร้องของนายอู๋ เจา เซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของไต้หวัน ที่ขอให้บรรดามิตรสหายจากนานาประเทศ ร่วมกันเขียนจดหมายสนับสนุนให้ไต้หวันได้กลับเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ซึ่งพวกเราสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะพวกเรามีความมั่นใจว่าชาวไต้หวันทุกคนปรารถนาจะเห็นโลกของเรามีความสงบสุขอย่างถาวร
สาระสำคัญจากบทความของรัฐมนตรีต่างประเทศของไต้หวัน มีดังนี้ ประชาคมโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์นานัปการ เช่น ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียและปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และรวมถึงเรื่องที่ไต้หวันกำลังตกอยู่ในสภาวะถูกจีนข่มขู่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้กำลังมีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ จึงเห็นควรแจ้งให้ผู้นำนานาประเทศทราบอีกครั้งว่า เสียงของสมาชิกประชาคมโลก รวมถึงเสียงของชาวไต้หวันควรจะได้รับการรับฟังจากประชาคมโลก
ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงที่เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ไต้หวันได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในฐานะที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 22 ของโลก และเป็นประเทศหลักที่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ไต้หวันจึงมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของโลก ไต้หวันไม่เพียงแต่ยืนยันให้หลักการประชาธิปไตย แต่ยังสนับสนุนระเบียบระหว่างประเทศที่อิงตามกฎเกณฑ์ความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกโลก และยึดมั่นในหลักสันติภาพโดยแท้จริง
หลังจากไต้หวันถูกพรากสิทธิการมีส่วนร่วมในองค์การสหประชาชาติ และหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติในระยะยาว ก็เท่ากับว่าเป็นการพรากโอกาสของประชาคมโลกในการได้รับคุณูปการจากไต้หวันไปโดยปริยาย
หัวข้อการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติสมัยที่ 77 คือ ช่วงเวลาของจุดเปลี่ยนผัน : แนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงปฏิรูปเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เชื่อมโยงระหว่างกัน (A Watershed Moment : Transformative Solutions to Interlocking) เป็นการเตือนประชาคมโลกให้ตระหนักถึงความท้าทายกำลังเผชิญอยู่ พวกเราเห็นด้วยที่องค์การสหประชาชาติหารือเพื่อร่วมกันหาทางออกของปัญหา และ หลักการใช้ความสามัคคี ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
ทั้งนี้ ไต้หวันยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา ประชาชนชาวไต้หวัน 23.5 ล้านคนล้วนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปมีส่วนช่วยแก้ปัญหาและวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของโลกอย่างแท้จริง โลกจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปโดยเร็ว เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของสมาชิกโลกทั้งมวล
ชาวไต้หวันคือพันธมิตรที่ประชาคมโลกที่ยินดีร่วมสร้างสันติภาพให้กับโลกของเราทุกคน ประชาชนชาวไต้หวันยินดีร่วมสร้างคุณประโยชน์ให้ประชาคมโลก เราทุกคนหวังจะได้เห็นความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และร่วมกันนำพาโลกของเราให้ก้าวเดินไปในทิศทางแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อตัวของเราเองในวันนี้ และเพื่อลูกหลานของประชาคมโลกในอนาคต
พิพัฒน์ หวังพิชิต พรทิพย์ ชูพินิจศักดิ์ ธนวัตน์ ชัยวัฒนากุล และสุจิตรา ลาภธีรวุฒิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี