30 ตุลาคม 2565ได้มีโอกาสเดินทางตระเวนไปยังหมู่บ้านห่างไกล ซึ่งถนนหนทางในการสัญจรไปมาของชาวชนบท นับว่า สะดวกสบายมาก เพราะถนนแต่ละเส้นทางลาดยางสลับกับถนนคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี จึงมีผู้คนเดินทางไปท่องเที่ยวทางศาสนา เส้นทางสายบุญ เพื่อ นมัสการพระพุทธรูปและฟังธรรมเทศนา จากเจ้าอาวาสในแต่ละวัด ให้เป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิต ไม่ได้ขาด
โดยเฉพาะวัดบ้านหนองไฮ ตำบลหนองไฮ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก พื้นที่ 2 ไร่เศษ เป็นที่ตั้งกุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง และมีพระสงฆ์อยู่จำนวน 6 รูป ไม่มีสารเณร และแม่ชี มรรคนายก 1 คน สังกัดมหานิกาย โดยมีพระครูสิทธิธรรมมงคล เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ รูปปัจจุบัน
พระครูสิทธิธรรมมงคล อายุ 78 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ กล่าวว่า อาตมา เป็นคนที่นี่(บ้านหนองไฮ) เมื่อเรียนสำเร็จชั้นประถมปีที่ 4 ภาคบังคับ ก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะฐานะยากจน ต้องช่วยพ่อ แม่ ทำนาเรื่อยมา กระทั่งเมื่อถึงอายุครบ 25 ปี อยู่ในวัยเบญจเพส ซึ่งผู้เฒ่า ผู้แก่ สมัยโบราณ บอกว่า เป็นวัยอันตราย วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งผู้เกิดอยู่ในช่วงอายุ 25 ปี ถ้ามี โชควาสนาบุญบารมีเกื้อหนุน การทำงาน หรือทำกิจการอะไร จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าโชคไม่ดี ดวงตก จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โยม พ่อ โยมแม่ จึงให้บวชพระ โดยตั้งใจว่า จะบวชเพียง 1 พรรษา ก็จะสึก แต่พอผ่านไป 1 พรรษา เพราะรู้ซึ้งในแก่นแท้ของชีวิต เข้าถึงพระธรรมวินัย เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงไม่ยอมสึก จวบจนถึงทุกวันนี้ ผ่านมาแล้ว 60 พรรษา ก็จะครองจีวร อยู่ใต้ร่มกาสาวะพัฒน์จวบจนชีวิตสิ้นนั่นแหละ
พระครูสิทธิธรรมมงคล เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ เล่าความหลังเมื่อครั้งเดินธุดงธ์ให้ฟังว่า หลังจากบวชแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองไฮบ้านเกิด 1 พรรษา จากนั้นได้ออกเดินธุดงธ์แสวงหาความรู้ด้านพระธรรมวินัยเพิ่มเติม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเดินธุดงธ์ไปตามตะเข็บชายแดน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) พบกับพระสงฆ์ลาว ชื่อว่า พระอาจารย์ โฮม และชวนให้ข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว โดยจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำหัวนาค ภูเขาควาย อยู่ 2 พรรษา ระหว่างนั้นก็ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้พระธรรมวินัยกับพระลาวไปด้วย ทำให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นจึงเดินทางกลับเข้าฝั่งไทยและเดินธุดงค์ต่อไปยังแถบชายแดนเขมร ด้าน จ.สุรินทร์,ศรีสะเกษและบุรีรัมย์
ต่อมา ได้เข้าไปจำพรรษาที่ถ้ำแกลบ ติดกับเทือกเขาพระวิหาร ระหว่างนั้นพบกับ พระเขมรอยู่ 2 รูป ซึ่งมีอายุ 90 และ 93 ปี ตามลำดับ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำแกลบก่อนแล้ว ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ถ้ำแกลบ ได้มีการศึกษาพระธรรมวินัยจากพระเขมรทั้ง 2 รูป จนออกพรรษา จากนั้น ได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร สถานที่ต่างๆทั่วภาคอีสาน เทศนาสั่งสอนญาติโยมพุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
โดยยึดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหลัก โดยเฉพาะ การทำบุญทำทาน ให้เห็นใจสงสารผู้ตกทุกข์ ผู้มีความทุกข์ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ไม่ว่า จะเป็นผู้ยากไร้ ผู้พิการ จะต้องให้การช่วยเหลือเขาเหล่านั้น ช่วยเหลือเท่าที่กำลังทรัพย์หรือแรงกายของเราพอมี โดยไม่เดือดร้อนตัวเอง ทำทานแล้วเราสบายใจ ถึงจะไม่มาก แต่ขึ้นชื่อว่าทำทาน ก็จะได้บุญกุศลมหาศาล บุญกุศลที่เห็นทันที ทันตา ก็คือผู้รับทาน หรือ ผู้ที่เราช่วยเหลือ เขาพึงพอใจ เขาพ้นทุกข์ และเราสบายใจ นี่คือ บุญที่เห็นทันที ทันตา
พระครูสิทธิธรรมมงคล หรือ หลวงปู่ธรรม เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ กล่าวว่า ต่อมา ได้เดินธุดงค์มาตามเทือกเขาภูพาน เรื่อยมา จนถึงภูเกษตร บ้านหนองทับม้า ปัจจุบัน คือ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ จึงพักปักกด จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนเป็นค่ายของผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์(ผกค.) โดยจำพรรษาอยู่ 1 พรรษา ต่อมา มีญาติโยมบ้านหนองไฮ ทราบข่าว นิมนต์ให้กลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองไฮบ้านเกิด ประกอบกับเจ้าอาวาสวัดไม่มี ก็เลยตอบตกลง จึงมาอยู่ที่วัดบ้านหนองไฮ จนถึงทุกวันนี้
พระครูสิทธิธรรมมงคล หรือ หลวงปู่ธรรม เทศนาส่งท้ายว่า เรื่องกรรมคือการกระทำ ที่แบ่งแยกให้คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะถ้าเข้าใจผิดในเรื่องกรรม จะทำให้คนบางคนกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะมุ่งสร้างแต่ความชั่วอย่างเดียว เพราะเห็นว่า บางคนทำความดีแทบตาย ไม่เห็นความดีตอบสนอง แต่บางคนทำชั่วกลับได้ดี มีคนนับถือและร่ำรวยทันตาเห็น ส่วนคนทำความดี จะต้องรอให้รับผลชาติหน้า อย่างนี้เป็นต้น.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี