ทุกฤดูกาลทำนาปลูกข้าว ระหว่างเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ของทุกปี สตรีชาวนา จะนำข้าวไวต่อแสง หรือ ข้าวดอ ซึ่งจะมีความเจริญเติบโต ออกรวงเมล็ดข้าว เร็วกว่าปกติ เรียกว่า ข้าวน้ำนม เพื่อนำมาทำข้าวเม่า สำหรับรับประทานในครอบครัว หรือในหมู่เพื่อนฝูงญาติสนิทและแขกผู้มาเยือนสม่ำเสมอ เรียกว่า เป็นขนมโบราณ ที่ชาวอีสานนิยมบริโภคกันมาก เนื่องจากทำจากเมล็ดข้าวโดยตรง ปราศจากสารพิษเจอปน เรียกว่า ข้าวเม่าอินทรีย์ ซึ่งมีให้ทานปีละ 1 ครั้ง เฉพาะทำนาปีเท่านั้น
เป็นเพราะเศรษฐกิจฝืดเคืองไปทั่วโลก ลามถึงประเทศไทย บวกกับโรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบันโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แต่ผลกระทบยังคงมีอยู่ ทำให้สตรีชาวนาอำนาจเจริญต้องมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยการนำเอาขนมจากภูมิปัญญาชาวบ้าน สั่งสอนมาจากบรรพบุรุษ ออกวางจำหน่าย ในรูปแบบการผลิตข้าวเม่าเชิงพาณิชย์ จำหน่าย สร้างรายได้เป็นอย่างดี
อย่างเช่น นางจันทร์เพ็ญ นาดี อายุ 40 ปี ชาวนา ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เล่าว่า ทำนาปี จำนวน 10 ไร่ แบ่งเป็นปลูกข้าวจ้าว 5 ไร่ และข้าวเหนียว 5 ไร่ และแบ่งไว้รับประทานส่วนหนึ่งให้ถึงปี ที่เหลือก็จะขายพอได้ค่าปุ๋ย โดยเฉพาะช่วงนี้เมล็ดข้าวยังไม่แก่เต็มที่ เมล็ดข้าวน้ำนม จึงนำเมล็ดมาทำข้าวเม่า ไปจำหน่ายในตลาดตัวเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งขายดีมาก ขายหมดทุกวัน ก็เก็บเป็นเงินทุน ไว้จ้างแรงงานเก็บเกี่ยวข้าวในช่วงปลายปี
นางจันทร์เพ็ญ บอกถึงวิธีทำข้าวเม่า พอเข้าใจว่า การทำข้าวเม่าส่วนมากจะนำข้าวไวต่อแสง หรือข้าวดอ (ภาษาอีสาน) มาทำ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าข้าวชนิดอื่น โดยเริ่มแรก ต้องเดินตรวจเมล็ดข้าวในแปลงนาก่อน จากนั้น เลือกเอาเมล็ดข้าวที่พอดี คือไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป เรียกว่า ข้าวน้ำนม ต่อมาทำการเกี่ยวข้าว จนได้ตามต้องการ
จากนั้น นำรวงข้าวมาขูดเมล็ดออก ด้วยการใช้ไม้ประกบ 2 ข้างขูด เพื่อป้องกันรวงข้าวบาดมือ เสร็จแล้วนำเมล็ดข้าวใส่ถาดหรือกะละมัง ต่อมานำไปเทใส่กระทะ ตั้งบนเตาถ่านไฟไม่แรง คั่วจนได้ที่ เสร็จแล้วเอาใส่ถาดหรือกะละมัง ผึ่งให้เย็น คัดกากหรือเปลือกข้าวออก ก็จะได้เมล็ดข้าวสีเขียวอ่อน หอมติดจมูก เมื่อบริโภคแล้วจะมีรสชาติหวานมัน อร่อยแบบขนมพื้นบ้านโบราณ เป็นอันแล้วเสร็จ เรียกว่า ข้าวเม่า
สามารถนำไปจำหน่ายได้ โดยบรรจุถุงจำหน่ายในราคา 1 กิโลกรัม / 150 บาท ถ้าจะซื้อเป็นขีดก็ราคาขีดละ 20 บาท ซึ่งขายดีมาก บางคนกลับมาเยี่ยมบ้านจะกลับกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด จะแวะซื้อข้าวเม่าหลายสิบกิโลกรัมติดไม้ติดมือไปด้วย เพื่อเป็นของฝากเพื่อน พี่น้อง และมีจำนวนไม่น้อยที่ซื้อใส่พัสดุฝากทางไปรษณีย์ส่งให้ญาติพี่น้องตามต่างจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร เพราะข้าวเม่าอยู่ได้หลายวันไม่เสียง่าย
นางจันทร์เพ็ญ กล่าวว่า ข้าวเม่า บางคนซื้อไปทานเลย แต่ก็มีนำไปแปรรูปเป็นขนมหลายชนิด เช่น ข้าวเม่าคลุก โดยการเอาข้าวเม่าไปคลุกเค้ากับมะพร้าว ที่ผ่านการขูดเป็นเส้นๆ ใส่เกลือน้ำตาลให้พอเหมาะ เรียกว่า ขนมข้าวเม่าคลุก หรือไม่ก็เอาไปทำข้าวเม่าทอด ก็มีให้ซื้อหารับประทานตามตลาดทั่วไป
นางจันทร์เพ็ญ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกปีช่วงรอการเก็บเกี่ยวข้าว จะทำข้าวเม่ามาวางขายเป็น 2 เวลา คือ เช้ากับเย็น เพราะปีนี้ฝนตกดี ได้ผลผลิตข้าวเต็มที่ จึงมีการทำข้าวเม่าเพิ่มขึ้น โดยมีลูกๆ ช่วยกันทำ ส่วนแม่ออกมาขาย ได้เงินวันละ 1,000 - 1,500 บาท เพื่อเป็นทุนในการศึกษาลูกและค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวด้วย
นางอรสา ทิมากร อายุ 50 ปี ลูกค้าชาวเมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ขณะกำลังซื้อข้าวเม่า บอกว่า จะได้ทานข้าวเม่าปีละ 1 ครั้ง ช่วงเดือนนี้แหละ วันนี้เดินหาซื้อข้าวเม่าไปทำเป็นของหวาน ไม่ว่าจะปรุงเป็นข้าวเม่าทอด ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่ากวน หรือจะทานข้าวเม่าสดๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งก็มีความสุขที่ได้ทำขนมหวานจากข้าวเม่าให้ลูกหลานได้รับประทานกัน เพื่อลูกหลานจะได้รู้ว่า ยังมีขนมพื้นเมืองโบราณ ที่ชื่อ ข้าวเม่า รสชาติอร่อยแบบไทยๆ ไม่แพ้ขนมชนชาติใดในโลก
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี