‘อดีตขี้ยา’ 15 ปี ยก ‘กัญชา’ เป็นต้นไม้สวรรค์ ยันใช้แล้วไม่มีหลอน หยุดยาบ้าได้ใน 7 วัน ช่วยลืมสารเสพติดทุกอย่างได้ภายใน 3 เดือน แนะรัฐ ให้ความรู้กับประชาชนอย่างถูกต้อง ค้านคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา
15 พฤศจิกายน 2565 นายพงษ์พัฒน์ นามมูลน้อย หรือ “ไก่” วัย 33 ปี อดีตขี้ยา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าสามารถใช้คำนี้ได้เลย เปิดใจว่า เขาใช้สารเสพมาทุกชนิด ทั้งเหล้า บุหรี่ ยาอี ยาบ้า ฯลฯ มาตั้งแต่อายุ 14 ปี เป็นทั้งผู้เสพและผู้ค้า ยาเสพติดลองมาทุกชนิด ไม่รู้ผิดรู้ถูก คิดไม่ได้ ใช้ชีวิตไม่เป็น ไม่เห็นความสำคัญของพ่อแม่และครอบครัว หมกมุ่นกับยานรกมาถึง 15 ปี ช่วงแรกตอบสนองความต้องการ จนกลายเป็นสนุก และสุดท้ายกลายเป็นขี้ยา หาความสุขไม่ได้ ร่างกายทรุดโทรม จุดเปลี่ยนของชีวิต คือ มีการปราบปรามยาเสพติดหนักมาก ทั้งฆ่าตัดตอน และจับขังคุก
นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า แต่เหตุผลที่เข้ามาในวังวนยาเสพติดไม่ได้เกิดจาการอยากลอง แต่เกิดจากการการตอบโจทย์ความต้องการของชีวิต ณ เวลานั้น ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นทำงานเป็นม้าเร็ว ส่งอาหาร ในช่วงกลางคืน กลางวันก็ต้องเรียน จึงทำให้ร่างกายอ่อนล้า และหมดพลังที่จะทำงานให้ได้ดี มีเพื่อนแนะนำให้ใช้ยาบ้า เพื่อให้ร่างกายตื่นและมีพลัง พอได้ลอง ก็พบว่ามันตื่นและทำให้ไม่ง่วงจริง จึงได้เริ่มใช้ แรก ๆ ลองแค่วันละ 1 ขา คือ ยาบ้า 1 เม็ดมี 4 ขา พอหมดฤทธิ์ยาก็ง่วงอีก เลยต้องเพิ่มปริมาณจนเพิ่มเป็น 1 เม็ด และมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเสพ เป็นขายเพราะเห็นช่องทางในการนำรายได้มาซื้อยามาเสพ
นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า เมื่อเริ่มจากยาบ้า ก็เชื่อมโยงไปใช้สิ่งเสพติดชนิดอื่นเกือบทุกชนิด ยาอี ยาไอซ์ เหล้า บุหรี่ ฯลฯ ร่างกายทรุดโทรม สมองสั่งการช้า เบลอ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะไม่ใช่การใช้แบบธรรมดา แต่ใช้ต่อเนื่องมาถึง 15 ปี จนกระทั่งเจอกัญชา จึงได้ทดลองใช้ ตั้งแต่ยังผิดกฎหมาย เพราะโดยส่วนตัวเองก็รู้ว่า กัญชามีสรรพคุณในการบรรเทาโรคบางอย่างได้ จึงได้ปลูกไว้หลายต้น และได้ลองเสพต่อเนื่อง 7 วัน ปรากฏว่าเราหยุดยาบ้าได้ และลืมสิ่งเสพติดชนิดอื่นไปเลย จึงได้ใช้ต่อเนื่องมากอีก 3 เดือน ทำให้ร่างกายจำ และปรับตัวจนคุ้นชิน ไม่รู้สึกว่าเราต้องการจะไปเสพอะไรอีก และผลพวงที่ได้จากกัญชาคือ ความนิ่ง สงบ ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฉุนเฉียว คงไม่เกินไปนักถ้า เปรียบเป็นต้นไม้สวรรค์ รักษาได้หลายอย่าง หนุนเสรี แต่ต้องมีให้ความรู้วิธีใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม และโดยส่วนตัวปัจจุบันก็เลิกใช้กัญชาแล้ว เนื่องจากได้ในสิ่งที่ชีวิตต้องการแล้ว จึงหยุดและพอ
“ใครที่บอกว่า ใช้กัญชา แล้วไปทำร้ายคนอื่น ไปปีนเสาไฟ ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปไม่ได้ เขาต้องเสพกัญชา ร่วมกับยาเสพติอื่นแน่นอน ผมอยู่ตรงนี้มานาน เพื่อนผมแก๊งเดียวกัน ตีรันฟันแทง ใครมองหน้าไม่ได้ มีเจ็บมีตายแน่ มันเจอกัญชาเข้าไป ยังยืนยิ้มให้เขา กินข้าวได้มากขึ้น ใจเย็น เล่นกีตาร์ได้เพราะนิ่งขึ้น มีเวลาใช้สมอง ใช้ความคิด ผมพูดได้เลยว่า ผมยกความดีให้กัญชา ใครที่บอกใช้กัญชาแล้วหลอน เรียกมาหาผมเลย พวกนี้มั่วมาก ทำวงการกัญชาเสียหมด กัญชาไม่เคยทำให้คนประสาทหลอน มากสุดก็แค่ ไม่ออกจากบ้าน เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เพื่อนผมคนหนึ่ง เคยเรียกว่าสารพัดความเลวอยู่กับมันทั้งหมด นักเลงสุด ๆ ขับรถซิ่งมาหาผม เบรกทีได้ยินกันไปหลายบ้าน ผมให้กัญชาไป ขากลับมันจูงรถมอเตอร์ไซค์กลับผมก็เจอมาแล้ว” ไก่ เล่า
อดีตขี้ยา กล่าวด้วยว่า มีหลายคนที่ตนดึงมาใช้กัญชา ก็เปลี่ยนชีวิตแทบทุกคน จากที่เคยไม่ทำงาน วัน ๆ เอาแต่เสพยา ก็กลับไปทำงาน บางคนไปวาดการ์ตูน บางคนไปเป็นผู้จัดการบริษัท มีหลายคนเป็นนักดนตรี ทำงานศิลปะ บางคนยังใช้กัญชาอยู่ บางคนเลิก อย่างตนนี่คือเลิก เพราะได้ชีวิตที่ต้องการแล้ว และก็เลิกมาตั้งแต่ยังไม่มีเรื่องกัญชาเสรี เรามีครอบครัว ถ้าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ถูกจับไป ลูกเมียก็จะเสียใจ แต่ตนก็ไม่เคยเสียงาน คนใช้กัญชาไม่เสียงาน แต่ยาเสพติดอย่างอื่นเสียงาน
“ความเป็นกัญชา มันเคลิ้ม ไม่มีความกดดันตัวเอง ไม่ร้อนใจ เวลาสูบ ความร้อนใจ กระหายต้องการอย่างอื่น มันลดลงไป จากมือสั่น ลงแดง ไม่ทำงาน อ้อนวอนใครก็ได้ไปซื้อยาบ้ามาให้หน่อยเม็ดละพันก็ยอม มันทรมานแต่กัญชาไม่เป็น ถึงแม้จะรู้ว่ากัญชาดี แต่สำหรับผมแล้ว ดึงเพื่อนมาได้ไม่ทั้งหมด หลายคนยังไม่พร้อม เพราะยังต้องการอารมณ์ดุดัน ฉูดฉาด เพราะกัญชามันนิ่งสงบ แต่ชีวิตของพวกที่ใช้ยาเสพติดชนิดอื่น คนกลุ่มนี้ยัง ส่งเสียงร้องคลุ้มคลั่งกลางดึก ชีวิตเสียหายมาก สภาพ พฤติกรรม หน้าตา เสียคนไปเลย สายตาเหมือนคนบ้าไปแล้ว สมองโดนทำลายไปเยอะ บุคลิกเสียไป เดินมาผมดูรู้เลยว่าเสพ เพราะเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ถ้ามีคนมาหาผม แล้วยังเสพอยู่ ผมไม่เอาเลย” อดีตขี้ยา กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เสนอแนะต่อรัฐบาล แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากให้ควบคุมในระดับการใช้กัญชาอย่างถูกต้อง ทั้งปริมาณการใช้ รวมถึงแนะนำสรรพคุณในกรณีที่ใช้ในทางการแพทย์ โดยส่วนตัวเชื่อว่า แม้ว่ากัญชาจะดี แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็ไม่ได้ สมุนไพรที่ว่าดีที่สุดในโลก ใช้เกินขนาดก็เป็นโทษได้เช่นเดียวกัน ตนปลูกกัญชามานาน ตั้งแต่ยังไม่ถูกกฎหมาย เวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เอาไปให้ ผมบอกเลยว่า กัญชาเปรียบเสมือนต้นไม้สวรรค์ ผมช่วยคนเมาเยอะ คนแก่ป่วยก็เอาไปให้เขาต้มเป็นสมุนไพรกิน ใช้ใบในปริมาณน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าแค่ไหนถึงพอเหมาะ การสื่อสารกับชาวบ้านเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะคนสูงอายุ ที่เข้าไม่ถึงสื่อโซเชียล และข้อมูลที่ถูกต้อง ใครมีวิชาการ งานวิจัย มีความรู้ด้านนี้ ก็ควรจะสกัดมาเป็นยาทางเลือกให้ได้ จะให้ตนไปพูดคนก็คงไม่เชื่อ ต้องเป็นหมอ นักวิชาการ นักวิจัยช่วยพูด
“ผมไม่เห็นด้วยหากจะคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา แต่ควรเน้นเรื่องการให้ความรู้และคุมการใช้ โดยเฉพาะเรื่องของอายุ เด็กก็ไม่สมควรใช้ เพราะจะทำให้อยากนอน ไม่เรียน และเขาก็ไม่สามารถแยกแยะได้เหมือนในวัยที่ตนเคยลอง อย่างไรก็ตาม ในมุมของตนแล้ว อยากให้เปิดเสรี ไม่ว่าจะเป็นการเสพ หรือ การทางการแพทย์ ให้ความรู้ในชุมชน กำหนดให้เป็นมาตรฐาน คนจะไม่หลงทาง การรักษาก็จะเป็นประโยชน์มากขึ้น เพราะข้อดีของกัญชา มีมากกว่าโทษอย่างแน่นอน” นายไก่ กล่าว
ปัจจุบัน ไก่ เป็นเจ้าของฟาร์ม “เดินวนฟาร์ม” เขาและครอบครัวปลูกผักออกานิกส์ ส่งขาย เป็นวิทยากรการปลูกผักให้กับโรงเรียนต่าง ๆ และยังหารายได้เสริมจากการเป็นสารพัดช่าง ทั้ง ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์และปรินท์เตอร์ ช่างไฟ ช่างเชื่อม ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างฝ้า ช่างก่อสร้าง ซึ่งแม้ว่าเขาจบแค่ชั้น ม.3 จากการเรียน กศน. แต่วิชาช่างเขาเรียนรู้นอกห้องเรียนและฝึกฝนจนชำนาญ ซึ่งไก่บอกว่า เขามีวันนี้ได้ เพราะการได้ใช้กัญชาในการบำบัดรักษา จึงอยากให้รัฐบาลหาทางออกในเรื่องนี้ ไม่ได้ควรมองว่ากัญชาเป็นผู้ร้ายทำลายชีวิตคน เพราะคนในแวดวงเองจะรู้มันไม่จริง แต่ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม ซึ่งต้องหาทางออกร่วมกัน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี