สกู๊ปแนวหน้า : ‘ธนากร คุปตจิตต์’  คุม‘น้ำเมา’ต้องได้สมดุล

สกู๊ปแนวหน้า : ‘ธนากร คุปตจิตต์’ คุม‘น้ำเมา’ต้องได้สมดุล

วันอาทิตย์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 07.00 น.

“ปิดสถานบันเทิง (เฉพาะในย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ) ตี 4”, “ยกเลิกเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น.”, “แก้ไขกฎหมายห้ามโฆษณาที่เขียนไว้สุดโต่งจนทำอะไรไม่ได้เลย” เหล่านี้เป็นข้อเสนอของผู้ที่เกี่ยวข้องกับ“น้ำเมา” เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ผู้ผลิตผู้ค้า ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารและสถานบันเทิง ตลอดจนภาควิชาการที่มองว่าการดื่มก็เป็นวิถีชีวิตรูปแบบหนึ่งบวกกับปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับรายได้มหาศาลจากเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว

แต่อีกด้านหนึ่ง “แรงต้าน” ทุกครั้งที่มีการนำเสนอเรื่องเหล่านี้ก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน โดยมาจากผู้ที่เห็นผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออุบัติเหตุบนท้องถนน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ความรุนแรงในครอบครัวและสังคม ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้จะตั้งคำถามว่า “เม็ดเงินจากความสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนนั้นคุ้มค่ากันแล้วหรือ?” จนกลายเป็นข้อถกเถียงของทั้ง 2 ฝ่ายเสมอมา


“มันต้องเอาเรื่องของการให้ความรู้การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน พอเราบอกให้ความรู้ เฮ้ย! สอนให้คนกินเหล้า สมัยก่อนจำกันได้ไหม? สอนเพศศึกษาคนเขาก็ด่า โอ๊ย! ไปพูดได้อย่างไร ชี้โพรงให้กระรอก สุดท้ายเป็นอย่างไร? มันแก้ปัญหาได้เยอะในเรื่องของอันตราย เรื่องท้องก่อนวัยอันควร มีมิสเตอร์คอนดอมอย่างอาจารย์มีชัย วีระไวทยะ วันนี้มันต้องมาทบทวนว่าคุณต้องให้ความรู้อย่างนี้”

ธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) กล่าวถึงวิธีคิดเรื่องการลดผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อสังคม ที่การเน้นห้ามเป็นหลักอาจไม่ใช่วิธีที่ได้ผล โดยยกตัวอย่างเรื่องการสอนเพศศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนวัยเรียน ซึ่งกว่าที่จะสังคมไทยจะยอมรับได้ก็เผชิญแรงต้านไม่น้อย ท่ามกลางสถิติ “ท้องวัยเรียน-แม่วัยรุ่น” ที่เพิ่มสูงขึ้น จนท้ายที่สุดทั้งรัฐและสังคมก็ต้องปรับวิธีคิดไปสู่การให้สอนได้ ซึ่งเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เช่นกัน เพราะที่ผ่านมากฎหมายที่มีอยู่ถูกมองว่ามีปัญหาและต้องทบทวน

โดยการทบทวนนั้นอาศัยช่องทางบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 77 วรรคหนึ่ง ที่ระบุว่า รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จําเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจําเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดํารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดําเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่างๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ซึ่งต่อมาได้มีการออก พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 มาเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ

“ผมไม่เคยบอกว่าต้องขายให้เด็ก หรือกินเหล้าเมาขับรถได้ไม่ใช่! กฎหมายป้องกันเรื่องห้ามเด็กต้องเข้มข้น ต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เรื่องของเมาแล้วขับต้องจับจริง แต่ไม่ใช่คุณจะมาออกกฎหมายกันหมดในเรื่องการขาย เรื่องวัน-เวลา อะไรต่างๆ เหล่านี้ มันไม่ได้ป้องกันแล้ว คุณต้องการกำจัด หรือแม้แต่การโฆษณาที่บอกเห็นชื่ออะไรก็ผิดหมด” ธนากร ระบุ

ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นการแก้ไขกฎหมาย ว่า บางเรื่องเป็นกฎหมายระดับรองซึ่งสามารถปรับแก้ได้เลยในระดับบริหาร (เช่นกฎกระทรวงต่างๆ หรือมติ ครม.) อาทิ วัน-เวลาห้ามขายไม่จำเป็นต้องรอเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภา จึงน่าจะมีการทดลองปรับแก้เพื่อให้เห็นผลที่เกิดขึ้น หากเป็น “เชิงบวก”ได้ผลดีด้านฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าก่อปัญหาก็ใช้ต่อไปแต่หากเป็น “เชิงลบ” ก่อปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ ก็ยังสามารถปรับแก้กลับไปเป็นรูปแบบเข้มงวดแบบเดิมได้

ขณะเดียวกัน “การมีกฎหมายคุมเข้มแบบสุดโต่งเกินไปยังเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม”เช่น เรื่องการห้ามโฆษณาไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 32 นอกจากถ้อยคำในกฎหมายจะมีปัญหาแล้ว ยังเชื่อมโยงกับ “รางวัลสินบนนำจับ” ที่ผู้แจ้งเบาะแสจะได้ส่วนหนึ่งของค่าปรับเมื่อคดีสิ้นสุดลง ซึ่งเมื่อบวกกับกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นระบบกล่าวหาที่ทำให้เป็นคดีความได้ง่าย หลายคนจึงเลือกจบเรื่องที่การจ่ายค่าปรับ ดีกว่าไปขึ้นศาลที่แม้จะมีคำตัดสินว่าอะไรถูก-ผิดแต่ก็เสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า

“คดีไปถึงศาลน้อยมาก เวลาคนที่โดนจับ ถ้าจะสู้คดีคุณต้องมาประกันตัวก่อน ไหนจะเสียค่าทนาย ไหนจะเสียเวลา ไปเสียค่าปรับดีกว่า ยอมๆ ไป เขาก็ไปเก็บคะแนนว่าคดีเสียค่าปรับผิดเยอะๆ ที่จริงพวกนี้ลองดู ไม่ต้องประกันตัวแล้วสู้ในชั้นศาลได้ ผิดทีปรับอย่างเดียว ผมว่าสนุก มีเต็มศาลแน่ ทำกันไม่ไหว ตอนนี้ก็คือยอมเสียค่าปรับดีกว่า เพราะว่าเวลาประกันตัวมันต้องถูกควบคุมตัว เอาแล้ว! พิมพ์ลายนิ้วมือมันก็เสียประวัติ มันทำให้กระบวนการยุติธรรมมันผิดเพี้ยน เพราะมันไม่นำไปสู่การพิจารณาตัดสินอย่างชอบในชั้นศาลไง มันไม่ถึง”ธนากร กล่าว

ส่วนฝ่ายที่ออกมาต่อต้านทุกครั้งที่มีข้อเรียกร้องให้ลดความเข้มสุดของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงมาสู่สมดุลธนากร ระบุว่า เอาจริงๆ แล้วมีเพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ก็ต้องถามกลับเช่นกันว่า NGO เหล่านี้มีรายได้จากทางใด ทำไมถึงเจริญเติบโต มีรถเก๋งขับ สามารถไปดูงานต่างประเทศ นอกจากนั้น ตนเองมีโอกาสได้พูดคุยกับ NGO บางราย ถามว่าเหตุใดไม่มาช่วยกันให้ความรู้กลับได้รับคำตอบว่าไม่ใช่ภารกิจ โดยงานที่ทำคือเน้นการป้องกันและปราบปรามมากกว่า

ขณะที่การทำงานร่วมกับพรรคการเมือง ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เผยว่า จริงๆ แล้วประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากหลายพรรคทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะนักการเมืองต่างก็เห็นปัญหาของกฎหมาย และการแก้ไขสามารถเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากเปิดตัวนักเพราะที่ผ่านมา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกตีตราในแง่ลบไว้มากบางครั้งอาจพอๆ กันหรือมากกว่ายาเสพติดบางชนิดที่ผิดกฎหมายด้วยซ้ำไป

“ประเทศเพื่อนบ้านนี่เขาพยายามหาอะไรที่มันลดอุปสรรคช่องว่างทั้งหมด แต่เราก็มาเป็นอย่างนี้ โอเค! เรื่องสาธารณสุขผมเข้าใจ แต่มันต้องมองภาพทุกมิติ ไม่ใช่มองสาธารณสุขอย่างเดียว คุณต้องมองเรื่องเศรษฐกิจ-สังคม คำว่าสังคมมันมีเรื่องคนอยู่อาศัย คนทำมาหากินด้วย อย่างนี้สำคัญ” ธนากร ฝากข้อคิด

SCOOP@NAEWNA.COM

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top