สุดจัด‘กะหล่ำห่อ’!เลาะริมโขง‘นครพนม’ ชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรฤดูหนาว
22 ธันวาคม 2565 “จังหวัดนครพนม” ในช่วงนี้ มีสภาพอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ประมาณ 10-12 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลดีต่อพื้นที่เกษตรริมฝั่งโขง โดยถือเป็นพื้นที่สำคัญ ที่มีชาวบ้านอยู่อาศัยริมแม่น้ำโขงเขต อ.เมืองฯ และ อ.ธาตุพนม หันมาทำเกษตรปลูกผักสวนครัวหลากหลายชนิด บนเนื้อที่ริมฝั่งกว่า 1,000 ไร่ ส่งขายป้อนตลาดทั่วภาคอีสาน สร้างเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลายล้านบาท ถือเป็นแหล่งผลิตพืชผลการเกษตรที่สำคัญของภาคอีสานแห่งหนึ่ง
เช่นเดียวกันในพื้นที่ ต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม พบเกษตรกรกำลังเร่งปรับพื้นที่ทำการเกษตรปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ ผักคะน้า ผักบุ้ง ต้นหอม ผักกาด นอกจากนี้ยังมีผลผลิตการเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยวส่งขายสู่ตลาด คือ กะหล่ำปลี หรือชาวบ้านเรียกว่ากะหล่ำห่อ หลังจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สภาพอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง ส่งผลดีให้ผลผลิตการเกษตรสวยงาม โตเร็ว ให้ผลผลิตมากกว่าทุกปี ทำให้ชาวบ้านเกษตรกรริมฝั่งน้ำโขงหันมาปลูกกะหล่ำปลีมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ถือว่าได้ราคาสูง ตกราคากิโลกรัมละประมาณ 12-15 บาท
ในสภาพอากาศหนาวเย็น นอกจากจะให้ผลผลิตสวนเกษตรสวยงามโตเร็ว ยังส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยทาง อบต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม ได้มีการประชาสัมพันธ์ จัดพื้นที่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาท่องเที่ยวชื่นชมความสวยงาม ในแปลงเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงสัมผัสธรรมชาติอากาศหนาว ริมสองฝั่งโขงไทยลาว เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ไปปรุงเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอีกด้วย
ด้านนายทองเลิศ เอมโอษฐ์ อายุ 72 ปี เกษตรกรชาวบ้านบึงหล่ม ต.ดงขวาง ถือเป็นเกษตรกรผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรง เปิดเผยว่า ตนทำการเกษตรมานานหลายสิบปี โดยฤดูแล้งจะปรับพื้นที่เกษตรริมฝั่งน้ำโขง ปลูกพืชผักการเกษตรหลากหลายชนิด เช่น ฟักทอง มะระ แตงกวา คะน้า ผักหวาน และ บวบ เป็นต้น ซึ่งผักพวกนี้ที่จะขึ้นได้ดีในฤดูนี้ เพราะมีลักษณะที่ทนแล้งหรือชอบน้ำน้อย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหน้าหนาวนี้ ผลที่ให้ผลผลิตดี มักเป็นผักที่กินใบเป็นส่วนใหญ่ และชอบอากาศหนาว ๆ คือ กะหล่ำปลี หรือกะหล่ำห่อ โดยตนปลูกบนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ตามกำลังที่ทำได้ เป็นการสร้างรายได้แบบพอเพียง ใช้เวลาปลูกราว 2 เดือน ก็สามารถเก็บผลลิตได้แล้ว ปีนี้ถือว่าราคาดีขายประมาณกิโลกรัมละ 12-15 บาท ช่วงนี้เก็บผลผลิตวันละประมาณ 1 ตัน สร้างรายได้วันละประมาณ 10,000 บาท ส่วนผลผลิตในภาพรวมแต่ละปีจะได้ประมาณ 15 -20 ตัน/ไร่ มีพ่อค้าแม่ค้ารับซื้อไม่อั้น
หลังเก็บผลผลิตหัวกะหล่ำปลีขายหมด จะสามารถเก็บส่วนยอดหรือแขนงดอกกะหล่ำขายเป็นรายได้เสริมอีกด้วย และมีราคาสูงประมาณ กิโลกรัมละ 30-40 บาท โดยตลาดมีความต้องการสูง ลูกค้านิยมสั่งซื้อไปผัด ที่สำคัญสภาพดินริมโขง เหมาะแก่การเพาะปลูก เป็นดินตะกอนไม่ต้องใส่ปุ๋ย และปลอดสารพิษ อีกทั้งยังใช้น้ำโขงธรรมชาติ ลดต้นทุนในการปลูกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี