เปิดใจนักธุรกิจแม่ค้าออนไลน์เมืองโพธาราม ที่ชาวโซเชียลต่างชื่นชมนำเงิน 1 แสนบริจาคโรงพยาบาลศิริราชมาตลอด 9 ปีเต็ม! เพื่อตอบแทนคุณหมอที่ให้ชีวิตใหม่เดินได้ตามปกติ
16 ม.ค.66 จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการชื่นชม หญิงสาวรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปผ่าน TikTok @bb7529 นำเงิน 1 แสนบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลศิริราช มานานถึง 9 ปี เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์
โดยหญิงสาวรายนี้ ได้ระบุข้อความว่า “พิการขาแต่กำเนิด แต่มีบุญ ที่ศิริราชรักษาหาย แม่ไม่มีเงิน ตอนนั้นบริจาคเงินไป 20 บาท เคยอธิษฐานไว้ว่า ถ้าเรามีกินมีใช้ เราจะมาบริจาคศิริราชทุกปี ตอนนี้มีแล้วน่ะ คืนให้ปีละแสน จะ 9 ปีแล้ว ขอบคุณศิริราชที่ให้ชีวิตใหม่”
พร้อมทั้งเล่าเรื่องราว เมื่อ 37 ปีก่อน เธอมีความพิการขาแต่กำเนิด โดยเป็นอาการที่ใช้ขาหลังเดิน ไปที่ไหนก็รักษาไม่ได้ จนอายุ 6 เดือน ได้มารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช จนหายดี สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ อีกทั้งทางโรงพยาบาลยังไม่คิดเงินและบอกว่าถ้าอยากบริจาคก็ตามศรัทธา วันนั้นคุณแม่เลยบริจาคไป 20 บาท เนื่องจากที่บ้านยากจน ทำงานก่อสร้าง แต่มาถึงวันนี้ที่เธอมีกินมีใช้ จึงอยากจะบริจาคให้กับทางศิริราช เพื่อเป็นการตอบแทนและช่วยผู้อื่นต่อไป โดยบริจาคปีละ 1 แสนบาท ต่อเนื่องมาถึง 9 ปีแล้ว พร้อมทั้งยังได้โชว์ภาพรอยแผลผ่าตัดที่ด้านหลังข้อเท้าของเธออีกด้วย หลังจากเรื่องราวของเธอได้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางพัชรี จันทร์พรมราช หรือ คุณบี อายุ 37 ปี หญิงสาวเจ้าของคลิป กำลังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว พร้อมทั้งพบกับคุณแม่ นางสมจิต แดงหาญ อายุ 58 ปี และคุณป้า นางสาวกันหา แดงหาญ อายุ 62 ปี เป็นผู้ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กที่บ้านใน ต.ดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
จากการสอบถาม นางสมจิต แดงหาญ ซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณบี เล่าว่า ตนเป็นคนโพธาราม ส่วนคุณพ่อของน้องบีเป็นชาวนครสวรรค์ โดยเมื่อ 38 ปี ก่อนมีอาชีพก่อสร้าง หาเช้ากินค่ำและบ้านไม่มีฐานะอะไร ได้ให้กำเนิดน้องบี และพบว่า ขาซ้ายของน้องบีมีความพิการผิดรูปที่หลังเท้า จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก จ.ราชบุรี ซึ่งคุณหมอได้ทำการใส่เฝือก เพื่อที่จะให้บิดคืนสภาพตามปกติ รักษาอยู่ประมาณ 1 เดือน ก็ไม่เป็นผล จากนั้นได้เดินทางไปรักษาที่ จ.นครสวรรค์ โดยรักษากับหมอน้ำมัน ตามคำแนะนำของเพื่อนบ้าน รักษาประมาณ 3 เดือน ก็ไม่หาย จึงได้พากลับมารักษากับหมอพระ ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยรักษาด้วยการหักกระดูกเพื่อให้กระดูปรับโครงสร้างใหม่ รักษาได้ประมาณ 5 เดือนแต่ก็ไม่สามารถรักษาได้ จนเกิดการท้อ จึงไม่เดินทางไปรักษาต่อที่ไหน จนกระทั่ง น้องบี เกิดอาการไม่สบาย ตนจึงได้พาไปกวาดยากับหมอบ้านที่บ้านหนองอ้อ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ตนพาน้องบีไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากมีหมอที่เก่งและเชี่ยวชาญ
นางสมจิต แม่ของน้องบี เล่าว่า ตนได้ไปทำงานก่อสร้างที่อโศก จึงได้ตัดสินใจพาน้องบีนั่งแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ขณะนั้นมีเงินติดตัวเพียง 100 บาทเศษ จ่ายเป็นค่าแท็กซี่ไป 70 บาท เหลือไม่ประมาณ 20-30 บาท โดยที่น้องบี ขณะนั้นอายุเพียงแค่ 6 เดือน ได้พบกับทางแพทย์ แพทย์ได้สอบถามถึงการรักษาที่ผ่านมา และถามถึงอาชีพ ความเป็นอยู่ ตนก็ตอบไปตามความจริงทุกเรื่องและยอมรับว่าครอบครัวยากจน แพทย์จึงรับไว้เป็นคนไข้อานาถา พร้อมทั้งนัดการรักษาประมาณ 3 เดือน จนครบกำหนดการผ่าเฝือกออก พบว่า เท้าของน้องบีเริ่มกลับสู่ปกติและมีอาการบวม ซึ่งแพทย์ระบุว่า อาการบวมจะหายไปและจะสามารถกลับมาเดินได้ตามปกติ ตนดีใจและสอบถามค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากตนกลัวค่ารักษาพยาบาลที่แพง แต่แพทย์แจ้งว่า “ตามแต่คุณแม่จะทำบุญให้กับทางโรงพยาบาล” ตนรู้สึกดีใจที่ลูกสามารถกลับมาปกติและขอบคุณแพทย์ผู้รักษา ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ได้นำเงินที่มีอยู่ขณะนั้น 20 บาท หยอดใส่ตู้บริจาคของโรงพยาบาลศิริราช และ พาลูก (น้องบี) เดินทางกลับบ้านจังหวัดราชบุรี จนกระทั่งผ่านไปราว 10 เดือน เท้าที่บวม เริ่มเดินได้และหายเป็นปกติ
นางพัชรี จันทร์พรมราช หรือ คุณบี เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนรู้สึกตกใจที่คลิปตนเองโพสต์ไว้ กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ และที่ผ่านมาตนก็เคยลงมาทุกๆ ปี จนปีนี้เข้าสู่ปีที่ 9
คุณบี เล่าชีวิตว่า หลังจากที่กลับมาเดินได้ปกติ กระทั่งเรียนจบการศึกษาชั้น ปวช. วิทยาลัยเทคนิคโพธาราม ได้แต่งงานมีครอบครัว มีอาชีพค้าขาย โดยขายปลาสด ขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดโดยไปขายกับสามี ชีวิตก็ลุ่มๆดอนๆ มาตลอด 8 ปี จนกระทั่งเกิดน้ำท่วมใหม่ที่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถเข้าไปซื้อของมาขายได้ จึงทำให้ขาดรายได้แม้กระทั่งเงินที่จะใช้จ่ายยังไม่พอ
ต่อมา ในปี 2556 มีเพื่อนแนะนำให้มาขายของออนไลน์ ด้วยการขายครีมความงาม เพราะตนเองมีหน้าตาที่สวยงาม ผิวพรรณดี จึงได้ลองมาขายทางออนไลน์ ครั้งแรกไม่มีคนสนใจ ประกอบกับครอบครัว รวมไปถึงสามีไม่สนับสนุน แต่ตนอยากลองทำและไม่ท้อ คิดว่าได้ค่านมลูกก็ยังดี จะได้มาช่วยจุนเจอครอบครัว หลังผ่านไปประมาณ 6 เดือน ตนกลายเป็นที่รู้จักทางออนไลน์ มีลูกค้าและมีตัวแทนขาย ทำกำไรได้ประมาณ 4 - 5 แสนบาท จึงนำเงินมาตัดรถยนต์และใช้หนี้สินต่างๆ พร้อมทั้ง อธิษฐานว่าถ้าตนเองมีกินมีใช้แล้วจะกลับไปนำเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลศิริราช
โดยปีแรก พ.ศ.2557 ตนได้นำเงินสดประมาณ 7-8 หมื่น ไปบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราชตามที่ได้ตั้งมั่นและอธิษฐานไว้ มาในปีที่ พ.ศ.2558 ธุรกิจเริ่มดีขึ้นจึงนำเงินที่เก็บออมไว้ครบ 1 แสนเศษ ไปบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลศิริราช เป็นปีที่ 2 และก็ทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันตามที่ปรากฎเป็นข่าว
คุณบี เล่าต่อว่า ตอนปี 2560 เกิดการดราม่า เมื่อตนนำมาลงในติ๊กตอก พบว่ามีคนเข้ามาคอมเม้นท์ว่า “ตนเองนำเงิน 1 แสน ไปบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช ทำเพื่ออะไร ทำไมต้องโชว์” ซึ่งตอนนั้นตนก็เกิดความน้อยใจ แต่ไม่ท้อ ไม่สนใจและก็ยังคงบริจาคเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันและตนมีความเชื่อว่า การที่ตนเองได้รับชีวิตใหม่ จากทางโรงพยาบาลศิริราช เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน มีเงินเพียง 20 บาท แต่ทางโรงพยาบาลช่วยตนจนสามารถกลับมาเดินได้เป็นคนปกติและการที่ตนเองมีเงินบริจาค เพราะธุรกิจประสบความสำเร็จ เพราะเราไม่ลืมพระคุณ ทั้งพระคุณพ่อแม่ พระคุณป้าที่ช่วยเลี้ยงดูและที่ลืมไม่ได้คือโรงพยาบาลศิริราช ตนจึงตั้งใจและตั้งมั่นไว้จะนำเงิน 1 แสน ไปบริจาคให้กับทางศิริราชในทุกๆปี เพื่อเป็นการตอบแทนและช่วยผู้อื่นต่อไป
ในส่วนการดำเนินธุรกิจความงามที่ตนเองประสบความสำเร็จ ปัจจุบันฐานะครอบครัวดีขึ้น แม้ธุรกิจจะซบเซาไปบ้างเพราะสถานการณ์โควิดแต่ก็ยังสามารถประครองได้ และตนก็ทำหน้าที่เสียภาษีเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ ตนและครอบครัวต้องขอบคุณทางคุณหมอและพยาบาลทุกๆคนที่ช่วยเหลือตนและรักษาตนจนหายเป็นเดินได้ตามปกติและไม่รังเกียจครอบครัวตนที่มีฐานะยากจน รับตนเป็นคนไข้รักษาจนหาย ซึ่งจากนี้ตนตั้งมั่นจะบริจาคให้โรงพยาบาลศิริ แผนกกุมารเวชทุกปี ครบ 10 ปี จะได้ 1 ล้านบาทถ้วน 20 ปี จำนวน 2 ล้านบาท และ 30 ปี จำนวน 3 ล้านบาท ขอให้ผลบุญถึงทุกคน และจะทำทุกปีจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี