“จากการที่เราไปหาข้อมูล เราพบว่ามีครัวเรือนเปราะบางที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูลของรัฐเยอะมาก เราได้ข้อมูลนี้มาจากไหน? จากชุมชนนี่ละที่เป็นคนชี้เป้า อาจารย์!..ตรงนี้เขายังไม่เคยได้รับสวัสดิการอะไรเลย ในเฟสแรกที่เราทำของจังหวัดปัตตานี ก็จะมีครัวเรือนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเลย 147 ครัวเรือน ซึ่งตรงนี้เราก็จะมีรายชื่ออยู่ว่าเป็นครัวเรือนที่เหมือนตกหล่น แล้วเราต้องใส่เขาเข้าไปในระบบเพื่อให้เขาได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม
พอปีหลังเราดูแค่ในบางอำเภอ ซึ่งอำเภอที่เราดูหลักๆก็จะเป็นยะหริ่ง เนื่องจากว่ายะหริ่ง จากข้อมูลบอกว่าเป็นอำเภอที่มีจำนวนครัวเรือนยากจนมากที่สุดในจังหวัดปัตตานี ก็ 3 ตำบล ตำบลแรกก็คือแหลมโพธิ์ ต่อด้วยบางปู และพื้นที่ที่เราทำงานด้วยมากที่สุดก็คือตาลีอายร์”
ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รักษาการแทนรองอธิการบดี วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.ปัตตานี) กล่าวในการบรรยายหัวข้อ “องค์ความรู้ด้านกลุ่มเปราะบางในจังหวัดชายแดนใต้ สำคัญอย่างไรกับการสร้างสันติภาพ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนา “สันติภาพที่เบาบางของคนเปราะบาง” ที่ ม.อ.ปัตตานี เมื่อเร็วๆ นี้ โดย “กลุ่มเปราะบาง” นี้ ยึดตามนิยาม “ครัวเรือนยากจน” ของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) หมายถึงคนที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 1 แสนบาท
องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลตลอด 3 ปี (2563-2565) โดยปัตตานีเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่ได้เข้าร่วม “โครงการวิจัยพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการลดความยากจน และการพัฒนาความเท่าเทียมในประเทศไทย” ซึ่งคัดเลือกจาก 10 จังหวัด ที่ติดอันดับความยากจนรุนแรงมากที่สุดของไทยอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงให้โจทย์กับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ไปค้นหาสาเหตุว่าอะไรทำให้จังหวัดเหล่านี้ยังยากจน ซึ่งนอกจากเรื่องรายได้น้อยแล้วยังมีเกณฑ์อื่นที่ต้องพิจารณาประกอบกัน เช่น เป็นครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุแต่เข้าไม่ถึงสวัสดิการเบี้ยยังชีพ เป็นต้น
ลำดับการทำงาน เริ่มจากการค้นหาว่า “คนจน-ครัวเรือนเปราะบางอยู่ที่ไหน” โดยอ้างอิงเบื้องต้นจากข้อมูลของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) และข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ที่รัฐมีอยู่แล้ว ก่อนลงพื้นที่ไปดูว่า คนหรือครัวเรือนเหล่านี้ประสบความยากลำบากในชีวิตจริงหรือไม่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงานที่ทำดำเนินการไปเพียง 11,791 คน จากข้อมูลทั้งหมดในจังหวัดประมาณ 3 หมื่นคนซึ่งบางครั้งก็พบเรื่องแปลกๆ เช่น บางคนมีรายชื่อเป็นคนจนแต่ไปดูจริงๆ กลับเป็นผู้นำชุมชนบ้าง ข้าราชการเกษียณบ้าง หรือบางคนเสียชีวิตไปแล้วแต่รายชื่อยังอยู่บ้าง
การสำรวจเบื้องต้นนี้ใช้เวลานานร่วมถึง 1 ปี กับแบบสอบถามประมาณ 100 ข้อ จากนั้นนำมาป้อนเข้าระบบเพื่อคิดคำนวณออกมาแต่ละครัวเรือนโดยมีคะแนนตั้งแต่ 1 คือแย่สุด ถึง 4 คือดีสุด แล้วการสรุปเป็นข้อเสนอแนะในระดับจังหวัด โดยเมื่อโครงการครบ 3 ปีก็ได้เข้าไปอยู่ในแผนแก้จนของ จ.ปัตตานี แบ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความยากจนไว้ 5 ด้าน
คือ 1.ทุนมนุษย์ หมายถึงการศึกษา ได้คะแนน 1.81 พบว่า กลุ่มเปราะบางที่ทีมงานเข้าไปสำรวจจบเพียงชั้นประถม 2.ทุนการเงิน หมายถึงเศรษฐกิจ ได้คะแนน 2.13 แม้จะไม่ดีแต่ก็ยังไม่ถือว่าแย่ที่สุด เพราะอย่างน้อยก็พบว่าคนจนเหล่านี้แทบไม่เป็นหนี้หรือถึงเป็นหนี้แต่ก็น้อยมาก อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการไม่เป็นหนี้นั้นมาจากการไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือหากจะมีหนี้สินก็จะมาจากการหยิบยืมคนรู้จักเสียมากกว่า และที่ต้องกังวลคือรายได้น้อยและไม่มีเงินออม
3.ทุนทางสังคม หมายถึง การที่สังคมหรือชุมชนให้ความช่วยเหลือกัน ได้คะแนน 1.55 น้อยที่สุดใน 5 ด้านเนื่องจากกลุ่มเปราะบางไม่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆ ในสังคมหรือชุมชน 4.ทุนกายภาพ หมายถึงโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่อยู่อาศัย ได้ 3.10 คะแนน และ 5.ทุนธรรมชาติ หมายถึงการได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่มี ซึ่งด้านนี้อยู่ที่ 2.69 คะแนน โดยทั้ง 5 ด้านข้างต้น มีการสำรวจแบบเจาะลึกเป็นรายหมู่บ้าน
การจัดแบ่งระดับความยากจนใน 4 ระดับของครัวเรือนนั้น แบ่งได้เป็น “อยู่ลำบาก (1.00-1.75 คะแนน)” ขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เบื้องต้นทีมวิจัยทำได้เพียงการมอบสิ่งของที่จำเป็น พร้อมกับประสานให้ทาง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เข้าไปดูแล, “อยู่ยาก (1.76-2.50 คะแนน)” มีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตเป็นรายวัน แต่ต้องได้รับการยกระดับในการจัดหาปัจจัยดำรงชีพ,
“พออยู่ได้ (2.51-3.25)” มีฐานทุนสำหรับการดำรงชีพ แต่ยังไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดปลอดภัยหากเผชิญสถานการณ์แปรปรวนต่างๆ และ “อยู่ดี (3.26-4.00)” มีภูมิคุ้มกันความเสี่ยงจากสถานการณ์แปรปรวนต่างๆ และมีฐานทุนในการแผนอนาคตของตนเองและครอบครัว ซึ่งจากข้อมูลที่สำรวจได้ ครัวเรือนเปราะบางส่วนใหญ่ใน จ.ปัตตานี จะอยู่ในระดับ 2 (อยู่ยาก) และระดับ 3 (พออยู่ได้) และไม่มีครัวเรือนใดเลยที่มาถึงระดับ 4 (อยู่ดี)
“อยู่ยากอาจหมายถึงกลุ่มที่มีผู้ป่วยติดเตียง เราเจอหลายๆ เคส นอกจากจะเป็นผู้สูงอายุแล้วก็มีเรื่องของสมาชิกครัวเรือนมีสารเสพติด เขาต้องดูแลคนที่มีเรื่องของการติดยาอยู่ในบ้าน มีครัวเรือนหนึ่งน้องเขามาเล่าให้ฟัง คือมีคุณแม่กับลูกชายซึ่งมีปัญหาเรื่องของสารเสพติด แล้วเหมือนคุณแม่เขาก็กลัวมากเพราะว่าลูกอาจจะทำร้ายเขาได้ตลอด เขาก็เลยมาสร้างเป็นที่นอนเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน คือไม่ได้อยู่ในบ้านกับลูก มาสร้างสิ่งที่คล้ายๆ แคร่อยู่หน้าบ้าน สิ่งที่เขาขอพวกเราคือช่วยเขาทำแคร่ให้มันดีหน่อย ช่วยเขาเอามุ้งที่เป็นมุ้งกางเอาไปให้เขาหน่อย แค่นั้นเองที่เขาอยากได้
แล้วก็อีกหลายๆ ครัวเรือนที่เราไปดูแลเรื่องของห้องน้ำ เนื่องจากไม่มีห้องน้ำในบ้าน เราเองก็พยายามส่งต่อข้อมูลไปให้ พมจ. ด้วย ให้หลายๆ ส่วน ให้ อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) ถ้าระดับใหญ่ๆ ก็ส่งไปให้ ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) แต่พวกนี้ก็เหมือนเป็นหน่วยงานให้ของ คือไปบริจาค แต่เหมือนระบบการดูแลกันในชุมชน ที่บอกว่าทุนทางสังคมที่มันขาด” ผศ.ดร.อรุณีวรรณ ระบุ
รักษาการแทนรองอธิการบดี ม.อ.ปัตตานี สรุปสิ่งที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้ คือ ทุนทางสังคมของครัวเรือนใน จ.ปัตตานี ในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับอยู่ลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจกัน การร่วมมือกัน การนำกลุ่มเปราะบางเข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ตั้งขึ้น รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ในสังคม เช่น รู้ระเบียบต่างๆ หรือไม่ หรือหากมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจะมีใครที่สามารถนึกถึงได้หรือไม่ เป็นต้น
ขณะที่ทุนการเงินและทุนมนุษย์อยู่ในระดับอยู่ยาก ประชากรกลุ่มเปราะบางใน จ.ปัตตานี ส่วนใหญ่จบเพียงชั้นประถมและไม่เรียนต่อ โดยมีคนกลุ่มนี้หลุดออกจากระบบการศึกษามากถึงราว 4 พันคน ซึ่งได้ประสานไปยังสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) โดยต้องบอกว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดปัตตานี มีความเข้มแข็ง แจ้งไปยังครู กศน. ในแต่ละตำบลเพื่อให้ช่วยติดตาม เบื้องต้นทราบว่ามีบางส่วนกลับมาเรียนต่อ แต่ก็ไม่มากนักเพราะคนกลุ่มนี้ต้องการทำงานหาเงินมากกว่า
ในด้านอาชีพ ครัวเรือนเปราะบางใน จ.ปัตตานี ส่วนใหญ่ ร้อยละ 31 รับจ้างทั่วไปนอกภาคเกษตร รองลงมาร้อยละ 18ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์ “700 บาทต่อเดือนเป็นรายได้น้อยที่สุดที่ทีมวิจัยพบ” มีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนในครัวเรือนที่มีปัญหาสุขภาพ มีคนป่วยเรื้อรังหรือคนพิการแต่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ไม่ถึงขั้นติดเตียง และที่น่าสนใจและถือเป็นเรื่องดีคือ “ปัตตานีไม่ค่อยมีปัญหากลุ่มเปราะบางหลุดระบบสวัสดิการ” ส่วนใหญ่จะได้กันครบถ้วนตามสิทธิที่มี ทั้งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพคนพิการ รวมถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
“เราใช้หัวข้อนี้ตอนส่งเข้าไปในจังหวัด เรื่องของความยากจนข้ามรุ่น การแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่น ดูเรื่องของการเงิน ดูเรื่องของการศึกษา ดูเรื่องของสุขภาพ เราทุกคนทราบว่าเด็กที่นี่ขาดสารอาหารเยอะที่สุดในประเทศไทย มีภาวะทุพโภชนาการเยอะสุด อันนี้ก็อาจจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราอาจจะได้คุยกันในอนาคต แล้วก็มีผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะที่ต้องพึ่งพิง อันนี้เป็นประเด็นที่เราได้เสนอเข้าไปในจังหวัดบ้างแล้ว” ผศ.ดร.อรุณีวรรณ กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี