หญิงวัย 62 ปีร้องสื่อขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตาหลังพิการจากการหกล้มเมื่ออายุ 10 ขวบส่วนลูกสาวเป็นโรคตาขี้เกียจทั้งสองข้าง ขณะที่สามีถูกเศษยางกระเด็นเข้าตาบอด 1 ข้างและมัว 1 ข้าง ทำให้เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบเกือบ 3 ล้านบาท เจ้าตัวเผย 45 ปีที่ผ่านมาทำหนังสือขอความช่วยเหลือทุกหน่วยงานแล้ว แต่ถูกปฎิเสธจนอยากฆ่าตัวตาย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ 24 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 137/2 บ้านห้วยเหรียง หมู่ที่ 3 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนางชุลี เพชรทอง อายุ 62 ปีอาศัยอยู่กับนายสมพงศ์ เพชรทอง อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นสามีและ น.ส.ทิฆัมพร เพชรทอง อายุ 30 ปีลูกสาวโดยทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก มีความพิการหมดทั้งบ้าน เริ่มจากคุณแม่คือนางชุลีฯ หกล้มจากการแข่งขันกีฬากระโดดไกลในการแข่งขันกีฬาจังหวัด ตอนอายุ 10 ขวบ ทำให้หัวเข่าหลุด กระดูกสะโพกร้าวและกระดูกหน้าอกร้าว โดยได้ทำการรักษามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2519 ได้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ฯ
โดยได้แต่งงานกับสามีคือนายสมพงศ์ฯ และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนคือ น.ส. ทิฆัมพรฯ แต่ลูกสาว แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคตาขี้เกียจมาแต่กำเนิด และตาข้างขวาสั้นผิดปกติ ส่วนสามีทำงานโรงงาน แต่เมื่อปี 2553 ก็มาถูกเศษยางพาราที่มีเชื้อรากระเด็นเข้าตา ทำให้ตาข้างขวามืดบอด ส่วนตาข้างซ้ายเริ่มมัว มองเห็นไม่ชัดในระยะไกล
โดยตั้งแต่ปี 2519 นางชุลี มีหนังสือส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา พร้อมกับลูกสาว แต่ไม่สามารถรับยานอกบัญชีได้ทั้งสองคน แม้จะเป็นคนไข้ในพระบรมชานุเคราะห์ จึงต้องไปพบแพทย์ที่คลินิก ซึ่งนางชุลี ยังมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือด โรคซึมเศร้า ส่วนสามีก็ต้องพบแพทย์เป็นระยะ ทำให้ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกต้องดิ้นรนหาเงินทุกวิถีทาง เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของทั้งสามชีวิต ทั้งการจำนองที่ดินทำกิน จำนองบ้าน กู้หนี้ทั้งในและนอกระบบ โดยส่งให้ลูกสาวได้เรียนจนจบระดับปริญญาตรี ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 2519-2565 รวมเป็นเงินเกือบ 3 ล้านบาท
นางชุลี ได้ทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือไปเกือบหน่วยงานแล้วในระยะเวลา 45 ปีนับตั้งแต่ปี 2519 แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด เคยเบิกเงินช่วยเหลือให้ 3,000 บาทแต่ได้รับโอนเข้าบัญชีจริง ๆ แค่ 2,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้เคยได้รับความช่วยเหลือใด ๆ อีกเลย ทุกวันนี้จึงเกิดความเครียดมาก ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย เนื่องจากแก๊งเงินกู้นอกระบบมาทวงหนี้และข่มขู่ถึงหน้าบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ซ้ำความพิการของทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังมีอายุที่มากขึ้น
โดยนางชุลี เพชรทอง ยกมือไหว้และกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งครอบครัวมีคนตาบอด 2 คน ส่วนตนก็พิการขา อยากขอความช่วยเหลือเรื่องเงินเพื่อให้ได้อยู่ต่อ ให้ได้รักษาคนในครอบครัว ที่ผ่านมามีทางจังหวัดให้เงินมา 2,000 บาท ที่เหลือก็ต้องใช้หนี้ยืมสินเขามา ซึ่งทำให้ตนเครียดหลายอย่างจึงอยากขอความช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ (ยกมือไหว้น้ำตาคลอ) เสียงลั่นฟังไม่ชัด
โดย 2-3 ปีนี้ก็ไปวิ่งขอความช่วยเหลือหลังหมดหนทางสู้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่าคนจนทั่วประเทศ ไม่ได้งบให้ (ร้องไห้) ซึ่งตอนนี้มีแต่เจ้าหนี้โทรตาม โดยตอนอายุ 10 ขวบเล่นกีฬาแล้วพิการ ตอนอายุ 15 ปีไปเข้าเฝ้าพระพันหลวงและได้รับการรักษาตามอาการ ปี 55-56 ไปโรงพยาบาลก็ยังต้องรักษาตามอาการแต่ไม่ดีขึ้น เลยถวายฎีกาถึงพระราชวัง ส่วนรายได้ตอนนี้มีจากการทำงานของสามีเดือนละ 8,000 บาท เอาบัตรสวัสดิการไปตั้งแล้วหักจากค่าของส่วนบ้านก็เอาไปจำนอง ตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลย
สำหรับผู้มีจิตศรัทธา สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ชื่อบัญชีนางชุลี เพชรทอง ธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 903-0-86274-2 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์นางชุลีฯ ที่ 082-4254702