สำนักงานประกันสังคม (สปส.) นำโดยเลขาธิการ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ แถลงข่าวสรุปผลงานเด่น ปี 2565 และแผนงานขับเคลื่อนปี 2566 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยภายในงานมีการโชว์ผลงานของ สปส. ในปี 2565 อาทิ 1.มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั้งฝ่ายลูกจ้างในฐานะผู้ประกันตนและฝ่ายนายจ้าง ทั้งการตั้งจุดตรวจคัดกรองโรคนอกสถานพยาบาล รวม 13 จังหวัดมีผู้ใช้บริการกว่า 5 แสนคน,
จัดหาโรงพยาบาล รวมถึงสถานที่พักฟื้น (Hospitel)ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างการรักษา ในพื้นที่ 24 จังหวัด รวม 175 แห่ง รองรับผู้ประกันตนราว 6 หมื่นคน, ให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนโดยไม่ต้องสำรองจ่าย มีผู้ประกันตนได้ใช้ประโยชน์กว่า 4.5 ล้านราย,จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และสายด่วน 1506 กด 1กด 6 และกด 7 รองรับการสอบถามข้อมูล ประสานและจัดหาสถานพยาบาล มีผู้ใช้บริการราว 2.5 ล้านคน,
ให้บริการวัคซีนโควิด-19 กับผู้ประกันตนทั้งที่เป็นแรงงานไทยและต่างชาติ ตั้งแต่เข็ม 1-เข็ม 3 ไปประมาณเกือบ 3.4 ล้านคน, สนับสนุนโครงการตรวจรักษาและควบคุมดูแลอย่างครบวงจรในสถานประกอบการ (Factory Sandbox) ในพื้นที่ 12 จังหวัด มีสถานประกอบการเข้าร่วม 730 แห่ง มีผู้ประกันตนได้รับการตรวจคัดกรองโควิด-19 ราว 4 แสนคน และฉีดวัคซีนไปราว 1.1 แสนโดส
2.มาตรการช่วยเหลือเยียวยา เช่น ลดอัตราส่งเงินสมทบ โดยในปี 2563-2565 เป็นการลดในส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 จากนั้นในปี 2564-2565 ได้เพิ่มในส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลดภาระผู้ประกันตนได้ถึง 10.8 ล้านคน, จ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบ อันเป็นผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น การปิดสถานที่ทำงาน (รวมถึงแคมป์คนงาน) การต้องกักตัว มีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 2.8 ล้านคน คิดเป็นเงินราว5.6 หมื่นล้านบาท,
โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่ง สปส. ทำงานประสานกับธนาคาร 5 แห่ง สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ให้กับสถานประกอบการไป 1,623 แห่ง วงเงินกว่า 9.6 พันล้านบาท รักษาสภาพการจ้างแรงงานไว้ได้ราว 1.1 แสนคน นอกจากนั้นยังสนับสนุนโครงการเยียวยาของรัฐบาลตาม พ.ร.ก.เงินกู้ จ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 เป็นต้น
3.การพัฒนาสิทธิประโยชน์ เช่น แก้ไขกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ พ.ศ. 2560 เพื่อให้ได้รับเงินบำนาญครบ 60 เดือน, แก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขยายอายุผู้ประกันตนมาตรา 33 จาก 60 ปี เป็น 65 ปี, การเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ จากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง,เงินสงเคราะห์การลาคลอดบุตรจาก 90 วันเป็น 98 วัน, แก้ไขให้ผู้ประกันตนเลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญ เป็นต้น
4.พัฒนาบริการทางการแพทย์ ทั้งการขยายระยะเวลาความตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง สปส. กับ รพ.จุฬาภรณ์ ในการรักษาด้วยการทำหัตถการด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด (ตั้งแต่ 29 ส.ค. 2565-28 ส.ค. 2566), ลดขั้นตอนอนุมัติสิทธิฟอกเลือด,ขยายระยะเวลาบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี 2565 จากสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. 2565 เป็น 31 ธ.ค. 2565 กับผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป และ 5.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการรับชำระเงินสมทบ, การเบิกจ่ายประโยชน์ทดแทน, ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาตรา 40 ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เป็นต้น
มาในปี 2566 นี้ สปส. เปิด “4 ของขวัญ” มาตรการช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน ประกอบด้วย 1.ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ย (ไม่เกินรายละ 2 ล้านบาทวงเงิน 30,000 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนในเรื่องของการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 2.เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมให้เข้าถึงการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด ได้แก่ การผ่าตัดมะเร็งเต้านม ผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูก ผ่าตัดนิ่วในไตและถุงน้ำดี หัตถการโรคหลอดเลือดสมอง และหัตถการโรคหัวใจและหลอดเลือด
3.ค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นำร่องไปแล้วใน 7 จังหวัด ดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การค้นหาและแบ่งกลุ่มความเสี่ยง (น้อย-ปานกลาง-สูง) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคล และการติดตามประเมินผล และ 4.ลดเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามค่าประสบการณ์ของนายจ้าง โดย สปส. ได้แก้ไขประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราส่วนการสูญเสีย ลงวันที่ 2 พ.ค. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา
สำนักงานประกันสังคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี